โดยในพื้นที่ภาคเหนือ สถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ ได้แก่ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 8,438 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 63 ของความจุอ่างฯ ปริมาณน้ำที่ใช้การได้ 4,638 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 6,331 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 67 ของความจุอ่างฯ ปริมาณน้ำที่ใช้การได้ 3,481 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 713 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 76 ของความจุอ่างฯ ปริมาณน้ำที่ใช้การได้ 670 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะที่ในภาพรวมของภาคอีสาน ปริมาณน้ำในฤดูแล้งปีนี้อยู่ในเกณฑ์น้อย หลายพื้นที่ต้องงดทำนาปรัง ซึ่งกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องวางแผนบริหารจัดการน้ำ โดยจะเน้นสนับสนุนการใช้น้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค การผลิตประปา และรักษาระบบนิเวศน์เป็นหลัก อย่างเพียงพอ ไม่ขาดแคลน ส่วนด้านการเกษตรต้องให้งดการทำนาปรัง การเลี้ยงกุ้งและปลาในกระชัง เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำที่รุนแรงตลอดในช่วงฤดูแล้งนี้
โดยพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อยู่ในเกณฑ์น้อยกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ มีจำนวน 2 อ่าง ได้แก่ เขื่อนห้วยหลวง ปริมาณน้ำในอ่างฯ 39 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 29 ของความจุอ่างฯ ปริมาณน้ำใช้การได้ 32 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนลำปาว ปริมาณน้ำ 333 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 17 ของความจุอ่างฯ