ค่าเงินยูโรบวก 0.20% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3003 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.2977 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.12% สู่ระดับ 1.6019 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6039 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้น 0.40% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 82.450 เยน จาก ระดับ 82.120 เยน และอ่อนตัวลง 0.05% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9267 ฟรังค์ จากระดับ 0.9272 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลง 0.01% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0430 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0431 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนลง 0.27% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8204 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8226 ดอลลาร์สหรัฐ
ยูโรพุ่งขึ้นในช่วงเช้า หลังจากสมาชิกสภานิติบัญญัติของเยอรมนีอนุมัติข้อตกลงที่มีเป้าหมายเพื่อลดภาระหนี้ของกรีซและช่วยให้กรีซไม่ต้องผิดนัดชำระหนี้ รวมถึงยังคงสมาชิกภาพในยูโรโซนต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม การทะยานขึ้นของยูโรได้ถูกสกัดไว้จากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าอัตราว่างงานในยูโรโซนเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11.7% ในเดือนต.ค. ซึ่งยิ่งเพิ่มความวิตกเกี่ยวกับภาวะถดถอย
ส่วนดอลลาร์ก็ดีดตัวขึ้นบ้างหลังจากอ่อนแรงในช่วงเช้า หลังนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า การเจรจากับทำเนีบบขาวเพื่อเลี่ยงหน้าผาทางการคลังแทบไม่มีความคืบหน้า และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนต.ค.ปรับตัวลดลง 0.2% ทำสถิติร่วงลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เนื่องจากการขยายตัวของรายได้หยุดชะงัก และจากผลกระทบของพายุเฮอริเคนแซนดี้ที่พัดถล่มสหรัฐเมื่อปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ในชิคาโกเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเขตชิคาโกเพิ่มขึ้นแตะ 50.4 ในเดือนพ.ย. ซึ่งป็นการขยายตัวครั้งแรกของภาคการผลิตนับแต่เดือนส.ค.