ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรร่วงหลังอีซีบีลดคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซน

ข่าวต่างประเทศ Friday December 7, 2012 07:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้แสดงมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนและยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในยูโรโซนด้วย ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากจำนวนคนว่างงานของสหรัฐที่ลดลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.76% แตะที่ 1.2967 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3066 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.28% แตะที่ 1.6051 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6096 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.12% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 82.360 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 82.460 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พุ่งขึ้น 0.78% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9328 ฟรังค์ จากระดับ 0.9256 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.23% แตะที่ 1.0476 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0452 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.39% แตะที่ 0.8318 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8286 ดอลลาร์สหรัฐ

สกุลเงินยูโรร่วงลงหลังจากอีซีบีได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้และปีหน้า พร้อมกับคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งก็ในช่วงปลายปี 2556

นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัว 0.5% ในปีนี้ ซึ่งมากกว่าก่อนหน้านี้ที่เคยคาดว่าจะหดตัว 0.4% ส่วนในปี 2556 นั้น คาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัวลง 0.3% ซึ่งเป็นการปรับทบทวนลงจากก่อนหน้านี้ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 0.5% และในปี 2557 นั้น อีซีบีคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวราว 0.2-2.2%

การปรับลดคาดการณ์จีดีพีประเทศยูโรโซนมีขึ้นไม่นานหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของอีซีบีมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.75% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม อีซีบีไม่ได้ประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในการประชุมครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและรอดูโอกาสที่เหมาะสมก่อนที่จะเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่

ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ธ.ค. ปรับตัวลดลง 25,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 370,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ 380,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 393,000 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ