ขณะที่ยอดส่งออกในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.17% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 2.31 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าการส่งออกในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้(พ.ย.-ธ.ค.55) จะมีมูลค่าเฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการส่งออกของไทยในปีหน้ามี 3 ปัจจัย คือ 1.ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในยูโรโซนที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องและยังไม่มีท่าทีว่าการแก้ไขปัญหาจะสามารถยุติได้ในระยะเวลาอันสั้น 2.การเปิดเสรีการค้าที่มีมากขึ้น ประกอบกับการแข่งขันในประเทศที่มีสินค้า ลักษณะคล้ายคลึงกับสินค้าส่งออกของไทยมีสูงขึ้น และ 3.แรงกดดันที่มีต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกรณีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ ตั้งแต่ 1 ม.ค.56
การส่งออกของไทยในปีหน้าจะมุ่งเน้นไปยังตลาดอาเซียนและเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะอินเดียและจีน เนื่องจากเป็นตลาดที่ยังมีกำลังซื้อสูง ในขณะที่มีตลาดใหม่ที่น่าสนใจ คือ แอฟริกาใต้และตะวันออกกลาง ส่วนตลาดหลักเดิมอย่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯนั้นจากสภาพเศรษฐกิจของ 2 ตลาดหลักดังกล่าว มองว่าอาจจะยังไม่ฟื้นตัวเร็วนัก จึงทำให้การส่งออกปีหน้าต้องหันมาเน้นตลาดอาเซียนและในเอเชียให้มากขึ้น
สำหรับสินค้าส่งออกที่แนวโน้มมีศักยภาพดี ได้แก่ สินค้าในกลุ่มยานยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาง วัสดุก่อสร้าง และอาหารทะเลกระป่อง ส่วนสินค้าที่คาดว่าการส่งออกจะยังทรงตัว ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์ อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอ เม็ดพลาสติดและผลิตภัณฑ์พลาสติก
ส่วนสินค้าส่งออกที่มีแนวโน้มหดตัวลง ได้แก่ อาหารทะเลแช่แช็ง กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป ผักและผลไม้กระป๋อง
"เราได้กำหนด working target โดยตั้งเป้าว่าจะผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวได้ 8-9% แต่เป้านี้เราจะประเมินอีกครั้งในเดือนพ.ค.56 หลังจากที่ดำเนินงานไปแล้ว 5 เดือน เพื่อมาดูว่าสามารถปฎิบัติได้ตามที่ตั้งไว้มากน้อยเพียงใด"รมว.พาณิชย์ กล่าว
ด้านนางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การส่งอกในปีหน้าจะมุ่งเน้นตลาดอาเซียนและเอเชียเป็นเป้าหมายแรก เพราะยังสามารถขยายตลาดได้อีกมาก ขณะเดียวกันจะมุ่งไปยังสินค้าที่ความต้องการยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะตลาดชนชั้นกลาง
ทางกรมฯได้ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและผลกระทบต่อการส่งออก ซึ่งจะพยายามติดตามขัอมูลและสถานการณ์การส่งออก ตลอดจนหาแนวทางในการแก้ไข โดยนำข้อมูลเดิมที่มีอยู่มาประกอบร่วมกับข้อมูลใหม่ และจะมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
อนึ่ง ธนาคารโลกประเมินการส่งออกของไทยในปี 56 ไว้ที่ 10-12% ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) คาดว่าการส่งออกปี 56 จะเติบโต 12.2% ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คาด 9% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)คาดที่ 10.5% คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดไว้ที่ 7-8%