ค่าเงินยูโรขยับลง 0.01% แตะที่ 1.3160 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3161 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.23% แตะที่ 1.6202 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6165 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.46% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 83.850 เยน จากระดับ 83.470 เยน และอ่อนตัวลง 0.01% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9175 ฟรังค์ จากระดับ 0.9176 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับลง 0.09% แตะที่ 1.0550 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0560 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับตัวลง 0.20% แตะที่ 0.8442 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8459 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินเยนดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือนหลังจากแอลดีพีได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เกิดการคาดการณ์ที่ว่า พรรคแอลดีพีจะกดดันบีโอเจให้ใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยบีโอเจมีกำหนดจะจัดการประชุมเป็นเวลา 2 วัน โดยจะเริ่มต้นขึ้นในวันพุธนี้
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนธ.ค.ร่วงลงมาอยู่ที่ -8.1 จากระดับ -5.2 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ -1.0 บ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตในเขตนิวยอร์ก ซึ่งครอบคลุมถึงตอนเหนือของนิวเจอร์ซีย์และตอนใต้ของคอนเนคติกัต ยังคงอ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหน้าผาการคลัง แม้ว่านายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน เห็นชอบกับข้อเสนอที่ให้มีการขึ้นภาษีกับคนรวย ซึ่งถือเป็นประเด็นหลักของการเจรจาเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง
กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า การถือครองหลักทรัพย์ของสหรัฐโดยต่างชาติเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดอีกครั้งหนึ่งในเดือนต.ค. บ่งชี้ว่านานาประเทศยังคงต้องการตราสารหนี้สหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานระบุว่า ยอดถือครองหลักทรัพย์สหรัฐของนักลงทุนต่างชาติรวมอยู่ที่ 5.4822 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.4762 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ซึ่งนับเป็นการปรับตัวขึ้นเดือนที่ 10 ติดต่อกันแล้ว
ทั้งนี้ จีนยังคงเป็นผู้ถือหลักทรัพย์สหรัฐรายใหญ่ที่สุด โดยเพิ่มการถือครองอีก 7.9 พันล้านดอลลาร์จากเดือนก.ย. เป็น 1.1615 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ส่วนญี่ปุ่นเป็นผู้ถือตราสารหนี้สหรัฐรายใหญ่อันดับ 2 โดยมีการถือครองเพิ่มขึ้นเป็น 1.1347 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. จากระดับ 1.1295 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.