นายอัสมุสเซนกล่าวสุนทรพจน์ที่ Frankfurt International Club of Economic Journalists ว่า อียูควรเดินหน้าปฏิรูปด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึงการใช้บทบัญญัติทางการคลัง (fiscal compact) เพื่อให้ประเทศสมาชิกมีวินัยทางการคลังมากขึ้น ไปจนถึงการปฏิรูปข้อตกลงว่าด้วยเสถียรภาพและการเติบโต (Stability and Growth Pact) ของอียู เนื่องจากมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกรอบแผนงานด้านการคลังในปี 2556
ความเห็นของนายอัสมุสเซนเป็นไปในทิศทางเดียวกับนายเฮอร์แมน ฟาน รอมพาย ประธานสภายุโรป และนายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบี ที่ได้เรียกร้องให้มีการจัดตั้งกลไกการแก้ไขปัญหาที่เป็นหนึ่งเดียว (SRM) โดยเร็ว
นายฟาน รอมพาย กล่าวว่า “กลไกการแก้ไขปัญหาที่เป็นหนึ่งเดียว (SRM) จะมีความจำเป็นในการสร้างความมั่นใจว่าปัญหาของธนาคารใดๆที่อยู่ในประเทศสมาชิกจะสามารถแก้ไขได้ด้วยเครื่องมือที่มีความเหมาะสม"
ทางด้านนายดรากิ ประธานอีซีบี ก็ระบุว่าการจัดตั้ง SRM เป็นหนึ่งในสองสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับอียู
“วัตถุประสงค์ของการแก้ไขปัญหาก็คือการจัดการธนาคารที่ไม่สามารถอยู่รอดได้ ผ่านทางมาตรการต่างๆที่รวมถึงการลดการดำเนินงานและปิดกิจการอย่างเป็นระบบ ขณะที่ยังคงรักษาเสถียรภาพทางการเงินไว้"
“กลไกดังกล่าวจะทำให้มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารต่างๆจะยุติการดำเนินงานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย"
นายดรากิกล่าวว่า ส่วนอีกประเด็นที่มีความสำคัญสูงสุดก็คือการปรับปรุงการทำหน้าที่ของสหภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะรวมถึงการลดความไร้สมดุลที่มากเกินไปในยูโรโซน และการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง สำนักข่าวซินหัวรายงาน