ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.03% แตะที่ 1.3233 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3229 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ขยับลง 0.01% แตะที่ 1.6249 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6250 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.23% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 84.390 เยน จากระดับ 84.200 เยน และทรงตัวเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9128 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.43% แตะที่ 1.0484 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0529 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.61% แตะที่ 0.8359 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8410 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นหลังจากสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้นแตะ 102.4 จากระดับ 101.4 ในเดือนพ.ย. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เยอรมนี ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยุโรป ยังคงปรับตัวดีกว่าประเทศอื่นๆในยูโรโซน ท่ามกลางวิกฤตหนี้ภูมิภาค
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซสู่ระดับ B- โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ จากเดิมที่ "ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน" ซึ่งการดำเนินการของ S&P ในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีความคืบหน้าในช่วงบวกในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินกรีซ เช่น การที่ยูโรกรุ๊ปอนุมัติการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลืองวดต่อไป และแผนการซื้อคืนตราสารหนี้ที่ประสบความสำเร็จ
ส่วนค่าเงินเยนยังคงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุม 2 วันของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ หลังจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งนายชินโสะ อาเบะ หัวหน้าพรรคแอลดีพีได้แสดงเจตนารมณ์ว่าจะเรียกร้องให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม