อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของดัชนีในส่วนของยอดคำสั่งซื้อและยอดขายในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีค่าเกิน 100 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่ออุปสงค์ในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่องจากความต้องการสินค้าและบริการ ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมพลังงาน
สำหรับภาคการส่งออก ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเนื่องจากเป็นช่วงใกล้เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ทำให้มียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น
ส่วนปัจจัยลบที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจโลก สถานการณ์การเมืองในประเทศ ต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน รวมทั้งการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 99.6 ลดลงจากระดับ 101.8 ในเดือนต.ค. ค่าดัชนีที่ลดลงเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
ด้านข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐในเดือนพ.ย.นี้ คือ ต้องการให้ภาครัฐขยายขอบเขตความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาดสินค้าและบริการให้แก่ผู้ประกอบการSMEsไทย อีกทั้งให้การสนับสนุนด้านการลงทุนและพัฒนาธุรกิจกับภาค SMEs อย่างจริงจังก่อนที่จะเข้าสู่ AEC รวมถึงศึกษาและหามาตรการช่วยเหลือ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ และช่วยพัฒนาศักยภาพ SMEs ให้สามารถแข่งขันได้มากขึ้น และพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมถึงแก้ไขระบบการเรียนการสอนเน้นการฝึกทักษะฝีมือแรงงาน