ขณะที่การใช้ดีเซลจะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 57.1 ล้านลิตรต่อวัน เนื่องจากรัฐบาลยังคงดูแลราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับต่ำต่อไป ขณะที่การใช้แอลพีจีในไตรมาสแรกคาดว่าจะอยู่ที่ 656,000 ตันต่อเดือน ซึ่งเป็นการขยายตัวตามการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่หากรัฐบาลมีการปล่อยลอยตัวราคาก็จะช่วยทำให้ปริมาณการใช้ไม่เพิ่มขึ้นมากนัก และยังช่วยลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการชดเชยราคาด้วย
สำหรับการใช้เอ็นจีวีในไตรมาสแรก คาดว่าจะใกล้เคียงกับช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากราคาขายปลีกยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ขณะที่ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปี 55 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในส่วนของกลุ่มน้ำมันเบนซิน อยู่ที่ 20.8 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.5% แบ่งเป็นน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 จำนวน 8.8 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.8% น้ำมันแก๊สโซฮอล์อยู่ที่ 12 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 4% ส่วนน้ำมันดีเซลมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 55.82 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 6.2%
สาเหตุที่ปริมาณการใช้น้ำมันส่วนใหญ่เป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ เนื่องจากรัฐบาลอุดหนุนราคาแก๊สโซฮอล์มากขึ้น ส่วนดีเซลที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากรัฐบาลมีการตรึงราคาไว้ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และมีการขยายเวลาการลดภาษีสรรพสามิตจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2555
ส่วนการใช้แอลพีจี อยู่ที่ 605,338 ตันต่อวัน เพิ่มขึ้น 11% แบ่งเป็นการใช้แอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น 14% หรือปรับขึ้นมาอยู่ที่ 51,481 ตันต่อวัน ส่วนภาคปิโตรเคมีปรับเพิ่มขึ้น 13.9% หรืออยู่ที่ 213,537 ตันต่อวัน แอลพีจีภาคขนส่งเพิ่มขึ้น 14.9% หรืออยู่ที่ 88,094 ตันต่อวัน ภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 14% หรืออยู่ที่ 252,288 ตันต่อวัน
ปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ เอ็นจีวี ในปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 7.7 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เพิ่มขึ้น 21% แม้ว่ารัฐบาลจะมีการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีไปอยู่ที่ 10.50 บาทต่อกิโลกรัม แต่ก็ยังถือว่าต่ำกว่าราคาน้ำมัน
นายวีระพล กล่าวถึง ในเดือนพฤศจิกายน 55 การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง อยู่ที่ 832,000 บาร์เรลต่อวัน มีมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 87,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การนำเข้าน้ำมันดิบ 770,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมูลค่า 81,000 ล้านบาท น้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 62,000 คิดเป็นมูลค่า 6,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันได้นำเข้าน้ำมันเบนซินประมาณ 332 ล้านลิตร หรือ 0.9 ล้านลิตรต่อวัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,200 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงต้นปีโรงกลั่น SPRC ปรับปรุงการผลิตเพื่อรองรับมาตรฐานยูโร 4 ประกอบกับในเดือนกรกฎาคม — ตุลาคม 2555 โรงกลั่นบางจากหยุดซ่อมบำรุง พร้อมกันกับโรงกลั่นไทยออยล์และ IRPC
การนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ แอลพีจี อยู่ที่ 138,000 ตันต่อเดือน คิดเป็นมูลค่า 5,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าทั้งปีนี้จะมีการนำเข้าแอลพีจีประมาณ 1.7 ล้านตัน หรือเฉลี่ยประมาณ 1.44 แสนตันต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 24,000 ตันต่อเดือน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 53,000 ล้านบาท ทั้งนี้ได้มีการชดเชยการนำเข้าแอลพีจีตั้งแต่ต้นปี จนถึงปัจจุบันมูลค่า 32,500 ล้านบาท หากรวมเงินชดเชยตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบันมีการจ่ายเงินไปแล้วทั้งสิ้นประมาณ 95,400 ล้านบาท เมื่อรวมกับเงินชดเชยที่จ่ายให้กับโรงกลั่นน้ำมันที่ผลิตเพิ่มขึ้นอีก 13,700 ล้านบาท รวมเป็นกว่า 1 แสนล้านบาท
การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 211,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 23,000 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณการนำเข้าน้ำมันในช่วง 11 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 929,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 8.8% คิดเป็นมูลค่า 1,095,621 ล้านบาท แบ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ 860,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมูลค่า 1,029,541 ล้านบาท และนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป 68,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมูลค่า 66,080 ล้านบาท แอลพีจี 146,875 ตันต่อเดือน คิดเป็นมูลค่า 50,380 ล้านบาท
การส่งออกน้ำมันในช่วง 11 เดือนอยู่ที่ 198,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 11% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 248,831 ล้านบาท