ธปท.คาดศก.ปี 56 มีโอกาสขยายตัวสูงกว่าที่คาดไว้ 4.6%รอทบทวนในเดือนม.ค.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 28, 2012 14:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจปี 56 จะขยายตัวได้สูงกว่าที่คาดไว้ 4.6% ซึ่งต้องรอการปรับประมาณการอีกครั้งในเดือน ม.ค.56

ธปท.ระบุว่า เศรษฐกิจปี 56 ยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยของเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจของสหรัฐจากปัญหาหน้าผาการคลังที่อยู่ระหว่างการเจรจา เศรษฐกิจยุโรปอาจไม่มีความเสี่ยงมากว่าจะเกิดความรุนแรง และโอกาสเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันคงลดลง ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นหลังจากได้รัฐบาลใหม่คงจะมีการดำเนินมาตรการทางการเงินการคลังในทิศทางที่ผ่อนคลายลงอีก ดังนั้น จึงต้องจับตาเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้ามาในประเทศไทยว่ามีผลอะไรหรือไม่

ขณะที่ปัจจัยในประเทศไม่มีความเสี่ยงที่น่าเป็นห่วงมากนัก ส่วนใหญ่มองว่ามีปัจจัยบวกจากภาครัฐที่เร่งการเบิกจ่ายในโครงการต่าง ๆ ซึ่งจะกระตุ้นให้ภาคเอกชนมีการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับการโครงการโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่าง ๆ

"ปัจจัยลบไม่น่าจะมีอะไรสำคัญมาก อาจเป็นเรื่องเดิมคือปัญหาการเมืองที่ยังมีอยู่เป็นระยะระยะ จนถึงการปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาททั่วประเทศ ซึ่งแบงก์ชาติกำลังติดตามและศึกษาผลกระทบต่อเงินเฟ้อ แต่เชื่อว่าเบื้องต้นไม่น่าจะส่งผลกระทบมากกว่าช่วงที่ผ่านมา แต่อาจมีผลต่อด้านอื่น ๆ ต้องศึกษาต่อไป" นายเมธี กล่าว

สำหรับภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.55 ในภาพรวมขยายตัวได้ต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนที่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ประกอบกับการส่งออกสินค้าทยอยปรับดีขึ้น ทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวจากเดือนก่อน ด้านการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงจากราคาอาหารสดเป็นสำคัญ

ธปท.ระบุว่า การวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจในเดือน พ.ย.ใช้การเปรียบเทียบกับข้อมูลในเดือนก่อนหน้าเป็นหลัก เพื่อให้สามารถสะท้อนแรงส่งของเศรษฐกิจที่ชัดเจนกว่าการเปรียบเทียบกับข้อมูลของเดือนเดียวกันปีก่อน ที่ผิดปกติจากผลของฐานที่ต่ำจากอุทกภัย

ทั้งนี้ การใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 1.8 เร่งขึ้นจากเดือนก่อน ตามการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณราคาคงที่ ที่เพิ่มขึ้นจากฐานการบริโภคภายในประเทศเป็นสำคัญ ประกอบกับการใช้จ่ายในหมวดยานยนต์ยังขยายตัวดี ซึ่งส่งผลต่อเนื่องให้การใช้พลังงานเพิ่มขึ้นตาม สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ1.8 เร่งขึ้นจากเดือนก่อน ตามการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อรองรับการบริโภคในประเทศที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง

การส่งออกสินค้าขยายตัวจากเดือนก่อน ตามความต้องการจากต่างประเทศที่ทยอยฟื้นตัวโดยการส่งออกสินค้าในเดือนนี้มีมูลค่า 19,332 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 6.7 และหากไม่รวมทองคำ การส่งออกจะขยายตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 7.8 ตามการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และการส่งออกเหล็กและโลหะที่เร่งตัว แต่การส่งออกสินค้าเกษตรหดตัวตามปริมาณการส่งออกข้าวที่ลดลง หลังเร่งส่งออกไปในเดือนก่อน การใช้จ่ายภาคเอกชนที่อยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับการส่งออกสินค้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการนำเข้าสินค้า(ไม่รวมทองคำ ) ขยายตัวจากเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 9.6 จากการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ปิโตรเลียม อาหารและเครื่องดื่ม ยาสูบ หลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ และยานยนต์

ส่วนการนำเข้าสินค้า มีมูลค่า 18,705 ล้านดอลลาร์ สรอ. หดตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 1.9 แต่หากไม่รวมทองคำ การนำเข้าจะขยายตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 5.2 ตามการนำเข้าสินค้าทุน และการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง สำหรับภาคเกษตร รายได้เกษตรกรขยายตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 0.2 ตามผลผลิตข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรปรับลดลงจากเดือนก่อน

ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวต่างประเทศมีจำนวน 2.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 6.3 ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจากจีน ญี่ปุ่น และมาเลเซียเป็นสำคัญ สอดคล้องกับอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นในทุกภาคของประเทศ

ด้านรายจ่ายรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากรายจ่ายด้านการดำเนินงาน โดยเฉพาะรายจ่ายประเภทเงินโอนและค่าจ้างเงินเดือน และรายจ่ายด้านการลงทุน สำหรับรายได้นำส่งอยู่ในเกณฑ์ดี จากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีสรรพสามิตที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการบริโภคในประเทศที่ขยายตัวดี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากยอดขายยานยนต์ที่ขยายตัวสูงจากโครงการคืนเงินภาษีรถยนต์คันแรก รายจ่ายที่สูงกว่ารายได้ส่งผลให้ดุลเงินสดขาดดุล 135 พันล้านบาท

เสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.74 ตามราคาอาหารสดที่ลดลงในหมวดผักและผลไม้ เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่ร้อยละ 1.85 ดุลการชำระเงินเกินดุลตามการไหลเข้าสุทธิของเงินทุนเคลื่อนย้ายจากการกู้ยืมเงินระยะสั้นของสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศเพื่อบริหารสภาพคล่องของธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ