โดยอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 56 มีโอกาสขยายตัวสูงกว่า 5.5% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ขณะที่การลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการบริโภคที่มีแรงส่งต่อเนื่องจากปี 55
"ปีหน้าเศรษฐกิจโลกขยายตัวต่อเนื่องเป็นผลดีกับการส่งออก ซึ่งสภาพัฒน์คาดว่าจะขยายตัวที่ 12.2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในประเทศจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การลงทุนระบบน้ำ การเร่งออกร่าง พ.ร.บ.ลงทุน 2 ล้านล้านบาท" นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการ สศช.กล่าว
เลขาธิการ สศช. กล่าวว่า สศช.มองเศรษฐกิจโลกปี 56 ในมุมบวก และคาดการณ์ว่าการส่งออกจะขยายตัวที่ 12.2% แต่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ท้วงติงว่า ปีหน้าไม่รู้ว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจกลางทางหรือไม่ จึงเห็นควรให้กำหนดเป้าหมายการส่งออกให้ขยายตัวที่ 9% ซึ่ง สศช.เห็นว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรที่รัฐบาลจะกำหนดเป้าหมายการส่งออกเช่นนั้น
สำหรับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ 300 บาท/วัน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ และทำให้แรงงานได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบนั้นรัฐบาลก็มีมาตรการช่วยเหลือ เช่น การสร้างเทอร์มินอลทรัก และให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย ที่จะลงทุนธุรกิจขนส่งสินค้า คิดค่าบริการในราคาพิเศษ
เลขาธิการ สศช. กล่าวว่า จะไม่มีปรากฏการณ์แรงงานตกงานเป็นล้านคนจากการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท/วันแน่นอน เพราะขณะนี้อัตราการว่างงานต่ำมาก และแรงงานไร้ฝีมือมีทางเลือก แต่รัฐบาลต้องเพิ่มทักษะที่จำเป็น และคนงานต้องไม่เลือกงาน