ทั้งนี้ ผลการวิจัย พบว่า หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 ที่ปัจจุบันนิยมนำไปใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์นั้น มีผลผลิตต่อไร่สูงสุด โดยมีผลผลิตประมาณ 70 — 80 ตันสด/ไร่/ปี ซึ่งมากกว่าหญ้าชนิดอื่นเกือบ 7 เท่า นอกจากนี้ ยังพบว่ามีอัตราการผลิตก๊าซมีเทนสูงกว่าหญ้าชนิดอื่น โดยมีอัตราการผลิตก๊าซชีวภาพประมาณ 6,860 — 7,840 ลบ.ม./ไร่/ปี สามารถผลิตเป็นก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) ได้ประมาณ 3,118 - 3,563 กก./ปี เหมาะสมต่อการนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนมากกว่าหญ้าชนิดอื่นๆ
อนึ่ง มช.ได้มีการสำรวจข้อมูลและวิจัยหญ้าจำนวน 20 ชนิดที่มีอยู่ในประเทศ อาทิ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 หญ้าบาน่า หญ้าขน หญ้าแฝก เป็นต้น เพื่อศึกษาศักยภาพและสภาวะที่เหมาะสมในการผลิตก๊าซชีวภาพ
“นอกจาก สนพ. จะมอบหมายให้ มช. วิจัยหญ้าชนิดต่างๆ ที่เหมาะสำหรับนำมาผลิตก๊าซชีวภาพแล้ว ยังได้มอบหมายให้ มช.ศึกษาและวิจัยนำก๊าซชีวภาพที่ได้จากฟาร์มปศุสัตว์มาผลิตเป็นก๊าซ CBG ซึ่งสามารถใช้ทดแทนก๊าซ NGV สำหรับยานยนต์ ทั้งนี้ จากการวิจัยพบว่า ก๊าซ CBG ที่ได้มีคุณสมบัติเทียบเท่า NGV สำหรับยานยนต์ตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน โดยปัจจุบัน มช. ยังทำการศึกษาต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาพลังงานก๊าซชีวภาพไปสู่พลังงานทดแทนในรูปแบบอื่นๆ เพื่อให้ทันต่อความต้องการการใช้พลังงานในรูปแบบใหม่และเกิดประโยชน์สูงสุด" ผอ.สนพ.กล่าว