ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.97% แตะที่ 1.0496 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0395 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.75% แตะที่ 0.8336 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8274 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.63% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 87.220 เยน จากระดับ 86.670 เยน และแข็งค่าขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9179 ฟรังค์ จากระดับ 0.9156 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.14% แตะที่ 1.3185 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3204 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินปอนด์ขยับขึ้น 0.06% แตะที่ 1.6252 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6243 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนแห่เข้าซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงเช่นดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และเทขายสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนต่ำ เช่นดอลลาร์สหรัฐและเงินเยน หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 257 ต่อ 167 ผ่านร่างกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังเมื่อวานนี้ตามเวลาไทย หลังจากที่พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตสามารถประนีประนอมกันได้ในรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว
การลงมติดังกล่าวของสภาผู้แทนราษฎรมีขึ้นหลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 89 ต่อ 8 ผ่านร่างกฎหมายหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลัง ไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาไทย ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวจะป้องกันไม่ให้มีการปรับขึ้นภาษีเงินได้ส่วนบุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่า 400,000 ดอลลาร์ และครัวเรือนที่มีรายได้ไม่เกิน 450,000 ดอลลาร์ อีกทั้งยังขยายระยะเวลาการให้สวัสดิการแก่ผู้ว่างงานในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้จะส่งผลให้รัฐบาลกลางสหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกราว 4 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปี เนื่องจากร่างกฎหมายระบุให้มีการขยายระยะเวลาการใช้กฎหมายภาษีพิเศษสำหรับครัวเรือนชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่บังคับใช้ตั้งแต่สมัยของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลกลางมียอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกราว 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า