อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายรายกล่าวว่า แม้ร่างกฎหมายดังกล่าวช่วยหนุนตลาดทั่วโลกดีดตัวขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่กฎหมายฉบับนี้ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องงบการใช้จ่ายจำนวนมหาศาลที่คุกคามกลไกผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจได้
ทั้งนี้ ทั่วโลกต่างคลายความกังวลกับสถานการณ์สหรัฐ หลังจากที่สภาคองเกรสสามารถนำพาประเทศให้รอดพ้นจากภาวะหน้าผาการคลัง หรือการปรับขึ้นภาษีและการลดงบประมาณการใช้จ่ายลงจนอาจจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเข้าสู้ภาวะถดถอยได้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สิ่งที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐดำเนินการนั้นเหมือนกับการเตะกระป๋องข้างถนนเท่านั้น ข้อตกลงที่ทำขึ้นเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ทำให้หนี้ของสหรัฐจำนวนมหาศาลเพิ่มขึ้นอีก 4 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ สหรัฐคาดว่า จะต้องเผชิญกับศึกหนักในเดือนก.พ.อีกครั้ง เมื่อสภาคองเกรสซึ่งมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันต้องสรุปเรื่องเพดานหนี้สิน โดยนักวิเคราะห์บางรายคาดว่า อาจจะไม่สามารถหาทางออกได้
แอนดี้ บุช บรรณาธิการและผู้ตีพิมพ์ Busch Update หรือจดหมายเวียนด้านการเงินและการเมือง มองว่า ข้อตกลงเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังนี้ถือเป็นปัจจัยบวกในช่วงสั้นๆ แต่ถือเป็นปัจจัยลบในระยะยาว
เขามองว่า ผลพวงที่เป็นบวก ซึ่งครอบคลุมถึงการขยายระยะเวลาในการลดภาษีครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 450,000 ดอลลาร์ต่อปี รวมทั้งการเพิ่มเงินทุน และอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นเพียง 5% ตามนโยบายของอดีตประธานาธิบดีบุชนั้น เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการดีดตัวขึ้นของตลาดในช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่เบอร์นาร์ด โบโมห์ล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์โลกของ Economic Outlook Group และแขกรับเชิญในรายการ PBS' Nightly Business Report ระบุว่า "ขณะนี้สถานการณ์ผ่อนคลายลงอย่างมาก แต่ผมคิดว่า เราจะต้องหาทางตกลงกันให้ได้ในเรื่องกฎหมายที่เป็นพิษในเฟสที่ 2 หรือการเจรจาเพื่อลดงบประมาณการใช้จ่าย และเพดานหนี้
เบอร์นาร์ดกล่าวต่อไปว่า "สภาคองเกรสผูกมัดระบบเศรษฐกิจเข้ากับแท่นกระโดดบันจี้จัมพ์ เราสามารถกระโดดพ้นหน้าผาไปได้เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ต่อมาก็จะเป็นรายการของการตกลงกันเรื่องภาษี ซึ่งก็เหมือนกับเรากลับมายืนอยู่บนหน้าผาได้อย่างปลอดภัย แต่ตอนนี้ เราอาจจะตกหน้าผาก็เป็นได้หากไม่สามารถสรุปข้อตกลงเรื่องการใช้จ่ายได้
การลดงบประมาณการใช้จ่ายนั้น ถือเป็นประเด็นร้อนแรงสำหรับเดโมแครตและรีพับลิกัน เบอร์นาร์ดกล่าวว่า พรรคเหล่านี้อยู่ ณ ศูนย์กลางของความคิดเห็นเชิงปรัชญาที่แตกต่างกัน และคาดว่า การเจรจาในเรื่องดังกล่าวช่วง 2 เดือนข้างหน้าจะต้องร้อนแรง
อย่างไรก็ดี เบอร์นาร์ดคาดว่า สภาคองเกรสและทำเนียบขาวจะสามารถตกลงกันได้ในที่สุด
แมทธิว รัสลิง จากสำนักข่าวซินหัวรายงาน