ค่าเงินยูโรร่วงลง 1% แตะที่ 1.3052 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3184 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.96% แตะที่ 1.6099 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6255 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.09% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 87.260 เยน จากระดับ 87.340 เยน และดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.95% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9263 ฟรังค์ จากระดับ 0.9176 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.38% แตะที่ 1.0463 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0503 ดอลลาร์ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.77% แตะที่ 0.8276 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8340 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดบางคนวิตกกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มงบดุลบัญชีของเฟดเป็น 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายบางคนคิดว่าควรชะลอหรือหยุดการซื้อสินทรัพย์ก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งการยุตินโยบายดังกล่าวจะลดแรงจูงใจสำหรับนักลงทุนในการซื้อสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงสกุลเงินยูโร
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจาก ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 215,000 รายในเดือนธ.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 130,000 ราย
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และอัตราการว่างงานเดือนธ.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ 7.7%