ขณะเดียวกัน ภายในเดือนพฤษภาคมนี้พื้นที่ภาคตะวันออกปศุสัตว์เขต 2 ก็น่าจะได้รับการประกาศเป็นพื้นที่ปลอดโรคปากและเท้าเปื่อยตามที่กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ และทำเรื่องเสนอไปยังองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) ก็น่าจะเป็นข่าวดีที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าถึงมาตรฐานการผลิตของไทยได้เพิ่มขึ้น และส่งผลต่อยอดการส่งออกในอนาคต รวมถึงการแสดงถึงศักยภาพของไทยในการเป็นผู้นำด้านมาตรฐานการผลิตเมื่อเข้าสู่เออีซีด้วย
สำหรับความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาในเรื่องราคาหมูขณะนี้ คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ( คชก.) ได้มีมติอนุมัติวงเงินเพื่อดำเนินโครงการรักษาเสถียรภาพราคาสุกรวงเงิน 61.8 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าใช้จ่ายด้านการขนส่ง และค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 6 เดือน คือ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2555 ถึง เดือนมิถุนายน 2556 โดยจะดำเนินการรับซื้อสุกรจากผู้เลี้ยงสุกรและส่งออกไปยังตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยมีประเทศเป้าหมาย คือ ลาว และกัมพูชา เมื่อราคาสุกรเท่ากับหรือต่ำกว่า 55 บาท/กก. เป้าหมายดำเนินการ 150,000 ตัว เพื่อลดปริมาณหมูในประเทศและส่งผลต่อเสถียรภาพราคาหมูของเกษตรกรให้เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานโครงการดังกล่าวสามารถแก้ไขปัญหาในเรื่องราคาให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรอย่างแท้จริงและเป็นไปอย่างมีประสิทธิ์ภาพ ทางคณะกรรมการฯ ได้มอบหมายให้กรมปศุสัตว์ตั้งคณะทำงานและกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการและรายงานเข้ามายังคณะกรรมการฯ เป็นระยะๆ โดยมีสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเป็นผู้ประเมินผลโครงการ ดังนั้น หากราคาสุกรอยู่ที่ 55 บาทหรือต่ำกว่าก็จะใช้เงิน คชก.เข้าไปดำเนินการทันที โดยปัจจุบันราคาสุกรหน้าฟาร์มของเกษตรกรอยู่ที่ 57.90 บาท/กก. ซึ่งต้นทุนการผลิตของเกษตรกรอยู่ที่ 58-59 บาท