ปธน.โอบามากล่าวในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า การเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศไม่ใช่การให้อำนาจในการใช้จ่ายแก่รัฐบาลมากขึ้น แต่เป็นการทำให้ประเทศสามารถจัดการกับรายจ่ายที่ก่อขึ้นได้
ปธน.โอบามาเตือนว่า การที่สภาคองเกรสปฏิเสธที่จะเพิ่มเพดานหนี้จะเป็นการสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจของสหรัฐเอง และจะส่งผลให้มีการชะลอการเบิกจ่ายผลประโยชน์แก่ผู้ที่รับสวัสดิการสังคม รวมทั้งอาจจะฉุดให้ประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย
หนี้สินของรัฐบาลกลางสหรัฐได้เพิ่มแตะระดับเพดานที่ 16.4 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2555 และกระทรวงการคลังได้ดำเนินมาตรการพิเศษเพื่อเลื่อนวันผิดนัดชำระหนี้ออกไปชั่วคราว
นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐกล่าวเมื่อวานนี้ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เสนอต่อบรรดาผู้นำสภาคองเกรสว่า คาดว่ารัฐบาลสหรัฐจะหมดหนทางในการชำระหนี้สินตามสัญญาในช่วงกลางเดือนก.พ.ถึงต้นเดือนมี.ค.
หากคองเกรสไม่ดำเนินการเพื่อขยายอำนาจในการกู้ยืม การเบิกจ่ายเงินด้านสวัสดิการสังคม โครงการประกันสุขภาพของรัฐบาลกลาง (Medicare) และโครงการอื่นๆที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ก็จะตกอยู่ในภาวะเสี่ยง
“นี่จะก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงต่อประชาชนและภาคธุรกิจทั่วประเทศ" นายไกธ์เนอร์กล่าว
ปธน.โอบามากล่าวว่า ขณะที่ภัยคุกคามของการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลกำลังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและกำลังบั่นทอนเศรษฐกิจนั้น การพิจารณาที่จะไม่ปรับขึ้นเพดานหนี้เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผล
ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นของปธน.โอบามามีขึ้นในวันเดียวกับที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน โดยกดดันให้สภาคองเกรสเพิ่มเพดานการกู้ยืมของประเทศเพื่อเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน