ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.57% แตะที่ 1.3306 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3382 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.07% แตะที่ 1.6064 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6076 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลง 0.79% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 88.750 เยน จากระดับ 89.460 เยน และพุ่งขึ้น 1.06% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9313 ฟรังค์ จากระดับ 0.9215 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.01% แตะที่ 1.0563 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0564 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.45% แตะที่ 0.8391 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8429 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรร่วงลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัว 0.7% ในปี 2555 ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงจากปี 2554 ซึ่งเศรษฐกิจขยายตัว 3.0% แต่ก็ยังเป็นสถิติที่สูงกว่ากลุ่มยูโรโซนที่ประสบกับภาวะถดถอย
รายงานระบุว่า การส่งออกจากเยอรมนีไปยังสหรัฐและจีนมีส่วนช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจของเยอรมนี แม้ว่าความต้องการในประเทศที่ประสบกับภาวะวิกฤตจะลดลง เช่น สเปน โปรตุเกส และกรีซ ส่วนการลงทุนในปี 2555 หดตัวลงเนื่องจากภาคธุรกิจชะลอการใช้จ่าย ท่ามกลางวิกฤตหนี้ยุโรปและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายฌอง-คล้อด ยุงเกอร์ ประธานยูโรกรุ๊ป ได้แสดงความกังวลว่า สกุลเงินยูโรอยู่ในภาวะที่เสี่ยงมาก และจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท ที่ระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีการปรับตามฤดูกาลในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ปรับตัวลดลง 0.3% เมื่อเทียบรายเดือนในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
ส่วนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นเกินคาด 0.5% แตะระดับ 4.1570 แสนล้านดอลลาร์ แม้ว่าประเทศยังคงเผชิญปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเกี่ยวกับนโยบายปรับเพิ่มภาษีและลดรายจ่าย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดค้าปลีกจะขยับขึ้น 0.2% ในเดือนสุดท้ายของปี 2555