นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในเดือน ธ.ค.55 อยู่ที่ 20,463 คัน ซึ่งยังครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 นับตั้งแต่เดือน ต.ค.55 โดยในภาพรวมตลอดปี 55 บริษัทฯ มียอดขายจำนวน 171,208 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 104% หรือกว่าเท่าตัวเมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายของปี 54
"เป็นสถิติยอดจำหน่ายต่อปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2553 ที่เคยบันทึกเป็นสถิติไว้ที่ 114,056 คัน แม้ในปีที่ผ่านมาจะมีการผลิตอย่างเต็มกำลังเพียง 9 เดือนเท่านั้น" นายพิทักษ์ กล่าว
หากนับเฉพาะช่วง 9 เดือนหลังการกลับมาเดินสายการผลิตอย่างเต็มกำลัง(เม.ย.-ธ.ค.55) บริษัทฯ มียอดขายสูงถึง 168,473 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 213% หรือคิดเป็น 3 เท่าของช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา(53,871 คัน) และถือเป็นการเติบโตมากกว่าอัตราการเติบโตของตลาดรถยนต์โดยรวมซึ่งอยู่ที่ 106% ถึง 2 เท่า
นอกจากนี้ในช่วงเดียวกันของปี บริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 30% ของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ทั้งนี้อัตราการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดถึง 10 รุ่น ซึ่งในจำนวนนี้มีรุ่นที่เข้าร่วมโครงการรถยนต์คันแรก 6 รุ่นด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮอนด้า บริโอ้ อเมซ ซึ่งเปิดตัวเป็นรุ่นล่าสุดได้รับกระแสการตอบรับที่ดีมาก ด้วยยอดจองกว่า 20,000 คันภายหลังการเปิดตัวเพียง 5 สัปดาห์
"ปีที่ผ่านมานับเป็นปีที่มีความสำคัญ และมีความหมายสำหรับฮอนด้าเป็นอย่างมาก จากช่วงต้นปีที่เราเผชิญปัญหาน้ำท่วมจนต้องหยุดเดินสายการผลิตเป็นเวลากว่า 5 เดือน แต่เราก็สามารถกอบกู้โรงงานและกลับมาเดินสายการผลิตได้ภายในเวลาเพียง 3 เดือนเศษเท่านั้น และนับจากนั้นเราก็เร่งทำการตลาดเชิงรุก ทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ยังคงเชื่อมั่น และรอคอยการกลับมาของฮอนด้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่นล่าสุด บริโอ้ อเมซ ที่เป็นผลมาจากความพยายาม และทำงานอย่างหนักร่วมกันของทุกฝ่าย ในการเร่งการเปิดตัวให้เร็วขึ้นถึง 5 เดือนจากกำหนดการเดิม เพื่อให้ทันตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ารถยนต์คันแรก ผลจากความพยายามทั้งหมดนั้น ผลักดันให้ฮอนด้ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งสามารถครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีได้ ปีที่ผ่านมาจึงเป็นปีที่ฮอนด้าได้เปลี่ยนวิกฤติให้กลายเป็นแรงผลักดันเพื่อต่อสู้กับอุปสรรค และสามารถทำให้เรากลับมาอย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม" นายพิทักษ์ กล่าว
สำหรับทิศทางตลาดในช่วงครึ่งปีแรกจะเป็นช่วงของการทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้าที่จองเพื่อใช้สิทธิ์ก่อนที่โครงการรถยนต์คันแรกสิ้นสุดลงในปลายปีที่แล้ว ขณะที่ความต้องการซื้อรถเพิ่มเติมในกลุ่มรถคันแรกอาจจะมีการชะลอตัวลงบ้างในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ความต้องการของตลาดในรถเซ็กเม้นต์อื่นๆ ยังคงเติบโตจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด รวมทั้งจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อศักยภาพทางเศรษฐกิจ บริษัทฯ เชื่อว่ายอดตลาดรถยนต์โดยรวมในปีนี้น่าจะใกล้เคียง หรือต่ำกว่าปีที่แล้วเพียงเล็กน้อย โดยคาดว่าจะมียอดการจำหน่ายรถยนต์รวมที่ 1.2 ล้านคัน ในส่วนของบริษัทฯ ได้วางแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์ พร้อมตั้งเป้ายอดจำหน่ายรถยนต์ไว้ไม่ต่ำกว่า 200,000 คัน
"เรายังให้ความสำคัญกับการบริการ และมุ่งตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า ด้วยการพัฒนาและยกระดับการบริการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันฮอนด้ามีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศถึง 166 แห่ง และมีแผนขยายศูนย์บริการเพิ่มเป็น 200 แห่งภายในสิ้นปี 2556 รวมทั้งมุ่งดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อสังคม และมีกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทยที่พร้อมให้ความช่วยเหลือในยามประสบภัย สมดังเจตนารมณ์ของฮอนด้าในการสร้างสรรค์คุณค่าเพื่อเป็นองค์กรที่สังคมไทยต้องการให้ดำรงอยู่ตลอดไป" นายพิทักษ์ กล่าว