ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.66% แตะที่ 1.3377 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3289 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.07% แตะที่ 1.5994 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6006 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.71% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.890 เยน จากระดับ 88.380 เยน และดีดตัวขึ้น 0.16% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9324 ฟรังค์ จากระดับ 0.9309 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.26% แตะที่ 1.0545 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0572 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.05% แตะที่ 0.8411 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8407 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรได้แรงหนุนหลังจากรัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนได้ 4.5 พันล้านยูโร (6 พันล้านดอลลาร์) จากการประมูลขายพันธบัตรล็อตที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งตรงตามเป้าหมายสูงสุดที่รัฐบาลกำหนดไว้
รายงานระบุว่า อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2558 อยู่ที่ระดับ 2.713% ลดลงเมื่อเทียบกับการประมูลเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ระดับ 3.358% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2561 อยู่ที่ 3.77% ลดลงจากการประมูลเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ระดับ 3.988% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2584 อยู่ที่ 5.696% ลดลงจากการประมูลเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ระดับ 5.893%
ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามอย่างยิ่งที่จะระดมทุนให้ได้มากที่สุดจากการประมูลขายพันธบัตร นอกจากนี้ สเปนกำลังเร่งจัดตั้งกองทุนกันชนสำหรับปี 2556 เพื่อที่ประเทศจะได้ไม่ต้องขอรับเงินกู้จากกองทุนช่วยเหลือของยูโรโซน ตามที่นายกรัฐมนตรีมาริอาโน ราฮอย กำลังพยายามหลีกเลี่ยงอยู่ในขณะนี้
ส่วนเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายชินโสะ อาเบะ จะกดดันให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม หลังจากที่การประชุมเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการบีโอเจมีมติขยายวงเงินซื้อสินทรัพย์อีก 10 ล้านล้านเยน เป็น 101 ล้านล้านเยน จากเดิม 91 ล้านล้านเยน