ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.26% เมื่อเทียบกับเยนที่ 90.090 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 89.860 เยน และแข็งค่าขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9345 ฟรังค์ จากระดับ 0.9323 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.45% แตะที่ 1.3314 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3374 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ดิ่งลง 0.75% แตะที่ 1.5871 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5991 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.37% แตะที่ 1.0506 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0545 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับลง 0.06% แตะที่ 0.8355 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8360 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายชินโสะ อาเบะ จะกดดันให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม หลังจากที่การประชุมเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการบีโอเจมีมติขยายวงเงินซื้อสินทรัพย์อีก 10 ล้านล้านเยน เป็น 101 ล้านล้านเยน จากเดิม 91 ล้านล้านเยน
ส่วนสกุลเงินยูโรร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจยุโรปอีกระลอกหลังจากที่มีรายงานว่า ยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของอิตาลีหดตัวลง 0.5% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่ยอดค้าปลีกของอังกฤษขยายตัวแค่ 0.3% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายปี และหดตัว 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์
อย่างไรก็ตาม สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนม.ค.ของสหรัฐร่วงลงแตะ 71.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2554 จากระดับ 72.9 ในช่วงสิ้นเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น