"สาเหตุที่มีผู้เข้ามาซื้อซองเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมองเห็นศักยภาพการผลิตไฟฟ้าในไทยที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต และไทยจะเป็นศูนย์กลางในการเปิดตลาดสู่อาเซียน"นายกวิน กล่าว
ขั้นตอนหลังจากนี้ กกพ.จะเปิดให้ผู้ซื้อซองสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขต่าง ๆ ทางอินเตอร์เน็ตจนถึงวันที่ 13 ก.พ.ที่จะเปิดให้ผู้สนใจยื่นประมูลมาซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขการประมูลอีกครั้ง หลังจากนั้นในวันที่ 20 ก.พ.จะประกาศเงื่อนไขเพิ่มเติมหลังจากได้รับฟังข้อมูลทั้งหมดแล้ว และมีการชี้แจงเงื่อนไขที่มีการปรับปรุง
ในวันที่ 29 เม.ย.จะเปิดให้ยื่นข้อเสนอประมูล จากนั้นจะเป็นกระบวนการพิจารณาคาดว่าภายในเดือน พ.ค.-มิ.ย.ก็จะพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคแล้วเสร็จ และจะเริ่มพิจารณาข้อเสนอด้านการเงิน ขั้นตอนสุดท้ายหากผ่านการพิจารณาทั้งสองด้าน ก็จะถึงขั้นตอนการพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าว่ารายใดต่ำสุดก็จะเลือกรายนั้น
สำหรับกรณีของ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี(RATCH)จะสามารถเข้าร่วมประมูลได้หรือไม่นั้น นายกวิน กล่าวว่า หลักการประมูลครั้งเหมือนครั้งก่อน คือต้องไม่มีภาครัฐถือหุ้นเกินกว่า 50% และต้องไม่มีรัฐวิสาหกิจที่ถือหุ้นและควบคุมมีอำนาจในการบริหารทั้งหมด ดังนั้น กรณีของ RATCH ก็ต้องไปดูว่าผ่านเงื่อนไข 2 ข้อนี้หรือไม่
ส่วนกรณีของ บมจ.ปตท.(PTT)มีบริษัทลูกหลายบริษัท อาจจะใช้บริษัทลูกเข้าประมูล อย่างไรก็ตาม บริษัทลูกของปตท.จะไม่ได้เปรียบผู้ประมูลรายอื่น เพราะจะต้องซื้อก๊าซจาก ปตท.ในราคาเดียวกัน และที่ตั้งโรงไฟฟ้าก็จะต้องอยู่ไม่ไกลจากแนวสายส่งและท่อส่งก๊าซของปตท. หากยื่นข้อเสนอตั้งในพื้นที่เดียวกันก็จะตัดสินที่ค่าไฟฟ้าเป็นหลัก