ทั้งนี้ จะเห็นว่าในปี 55 ที่ผ่านมาเงินทุนเคลื่อนย้ายอยู่ในระดับที่ยังรักษาสมดุลได้ดี โดย ธปท.ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงในตลาดการเงินมากนัก ซึ่งเมื่อปีก่อนมีเงินไหลเข้ามาลงทุนโดยตรง 8 พันล้านเหรียญ และเงินไหลออก 1.1 หมื่นล้านเหรียญ ขณะที่มีเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร 1.1-1.2 หมื่นล้านเหรียญ และคนไทยนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ 8 พันล้านเหรียญ
"ไม่ใช่เรื่องที่ผิดไปจากหลักและเหตุผล เพราะตั้งแต่ต้นปีถึงกลางปีที่แล้วไทยยังมีภาระในเรื่องของการฟื้นตัวจากน้ำท่วม ซึ่งการฟื้นตัวยังไม่ชัดเจนจนถึงกลางปี หากเทียบปีนี้เงินบาทยังไม่ผิดไปจากการเคลื่อนไหวของภูมิภาค" ผู้ว่าธปท. กล่าว
นายประสาร กล่าวยอมรับว่า สภาพคล่องในตลาดการเงินโลกมีความผิดปกติ หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่ ซึ่งผ่านมา 4-5 ปี เศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ขณะนี้มีสัญญาณที่ดีขึ้นบ้างที่เศรษฐกิจประเทศหลัก เช่น สหรัฐฯ มีการฟื้นตัวอย่างอ่อนๆ แต่การที่สหรัฐฯ มีการใช้มาตรการการเงินที่ผ่อนคลายมากเกินไป อาจนำไปสู่ต้นทุนทางเศรษฐกิจ ซึ่งมองว่ามาตรการเพิ่มปริมาณเงิน(QE)น่าจะมีสิ้นสุด
แต่ขณะเดียวกันธนาคารกลางญี่ปุ่น กลับใช้มาตรการเพิ่มปริมาณเงินเช่นกัน มองว่าเรื่องดังกล่าวคงไม่สามารถกำหนดสภาพคล่องโลกให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันและอย่าใช้เครื่องมือที่ผิดจังหวะ เพราะจะเกิดการสร้างต้นทุนที่ไม่จำเป็นและไม่ควรฝืนตลาดมากเกินไปเพราะจะเป็นการเผชิญความท้าทาย ดังนั้น ธปท.จะพิจารณาถึงความพอดี และดูแลให้สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจ