"เวลานี้เป็นเวลาดีที่จะเข้าไปลงทุนต่างประเทศ เพราะเป็นช่วงที่ราคาสินทรัพย์ยังต่ำ และในอนาคตเมื่อฟื้นตัวขึ้น ก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดี"นางสาวโสภาวดี กล่าว
เลขาธิการ กบข.กล่าวอีกว่า ในปีนี้ กบข.จะสามารถรักษาระดับค่าเฉลี่ยผลตอบแทนการลงทุน 15 ปีไม่ต่ำกว่า 7.05% ภายไต้คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ที่ 3.01% โดย ณ สิ้นปี 55 กองทุนมีมูลค่าสินทรัพย์อยู่ที่ 5.77 แสนล้านบาท
กบข.จะใช้หลักการบริหารการลงทุนระยะยาวด้วยการลงทุน 4 กลุ่มหลัก คือ ตราสารหนี้รัฐบาลทั้งในประเทศและต่างประเทศ สัดส่วน 44% จากก่อนหน้านี้มีสัดส่วนที่ 54%, ตราสารหนี้ภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ สัดส่วน 20% จาก 19%, อสังหาริมทรัพย์และโภคภัณฑ์ สัดส่วน 12% จาก 7% โดยมองโอกาสในสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นมีความน่าสนใจลงทุน เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ยังไม่แพง , ตราสารทุนเพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ สัดส่วน 24% จาก 21%
นางสาวโสภาวดี กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้มองว่า SET Index น่าจะขึ้นไปแตะที่ 1,500 จุดได้ เนื่องจากประเทศไทยยังมีการเติบโตของเศรษฐกิจที่ดี แต่จะเป็นการเติบโตอย่างช้า ๆ ขณะที่สถานการณ์ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปดีขึ้นในระยะนี้ ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะถดถอยรุนแรงคงไม่มีอีกแล้ว แนวโน้มตลาดโลกยังอยู่ในทิศทางที่ดี และจากการอัดฉีดเงินของธนาคารกลางแต่ละประเทศ ทำให้มึเงินหมุนเวียนในระบบมาก ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังอยู่ในระดับต่ำเพื่อผลักดันเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐน่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในปีนี้หลังจากมีความชัดเจนเรื่อง fiscal cliff ซึ่งจากการที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวทั่วโลกส่งผลให้คนเริ่มมีการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น
กบข.มองว่าในปีนี้ธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และการบริโภคมีความโดดเด่น เนื่องจากได้รับประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ขณะที่ตลาดหุ้นจีนจะมีความโดดเด่นในปีนี้เช่นกัน หลังจากที่ได้ถอยลงไปมากจนถึงจุดที่น่าสนใจลงทุน โดย กบข.ได้ลงทุนทางอ้อมในสหรัฐที่มีรายได้มาจากจีน