ส่วนในปี 55 ช่วงครึ่งปีแรกมีการชะลอการลงทุนจากความกังวลจากน้ำท่วม โดยภาพรวมทั้งปีมูลค่าโครงการที่อยู่อาศัยสูงกว่าปี 54 ราว 17% และจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 19% มียอดขายสูงถึง 1.07 แสนหน่วย และมีหน่วยรอขาย 1.2 แสนหน่วย คาดว่าขายหมดภายในเวลา 12 เดือน โดยเฉพาะห้องชุดจะขายหมดภายในเวลา 7 เดือน
นายโสภณ เชื่อว่าปีนี้จะไม่เกิดภาวะอสังหาริมทรัพย์ล้นตลาด(over supply) เนื่องจากมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ส่วนใหญ่ยังเป็นการซื้อเพื่ออยู่จริง ประกอบกับ มีการกำหนดราคาขายคอนโดมิเนียมที่ต่ำลงที่ 1-2 ล้านบาท/ยูนิต และการพัฒนาคอนโดมิเนียมใหม่ยังอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าและในเขตกรุงเทพฯ
ขณะที่การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ไม่ได้ส่งกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นต้นทุนค่าแรงงานเพียง 15% และโดยส่วนตัวมองว่าค่าแรงงานในภาคการก่อสร้างสูงกว่า ค่าแรงขั้นต่ำที่กำหนดไว้
ส่วนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ทำให้ภาคอสังริมทรัพย์ขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีมากขึ้น เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่สงบ