ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.05% แตะที่ 1.3318 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3312 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ดีดขึ้น 0.01% แตะที่ 1.5830 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5828 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.96% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 88.720 เยน จากระดับ 89.580 เยน และดิ่งลง 0.38% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9288 ฟรังค์ จากระดับ 0.9323 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.46% แตะที่ 1.0562 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0514 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.59% แตะที่ 0.8406 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8357 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรปรับตัวขึ้นหลังจากรายงานของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) ที่ระบุว่า ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในเดือนม.ค.พุ่งขึ้นเกินคาดแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2553 อันเนื่องมาจากมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นว่าเศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่สุดในยุโรปจะสามารถต้านทานวิกฤตหนี้ในภูมิภาคและฟื้นตัวขึ้นได้ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเยอรมนีที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจในอีก 6 เดือนข้างหน้า ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 31.5 ในเดือนม.ค. จาก 6.9 ในเดือนธ.ค. ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันที่ดัชนีอยู่ในแดนบวก และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ดัชนีจะปรับตัวขึ้นแตะที่ระดับ 12 ในเดือนม.ค.
ส่วนเงินเยนร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณซึ่งบีโอเจประกาศเมื่อวานนี้ จะมีผลบังคับก็ต้องเป็นต้นปีหน้า
บีโอเจได้ตัดสินใจดำนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่คล้ายคลึงกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลและสินทรัพย์ทางการเงินประเภทอื่นๆที่ค่อนข้างมีความปลอดภัยจากสถาบันการเงินต่างๆ โดยไม่มีการกำหนดวันสิ้นสุดโครงการ
การดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่เศรษฐกิจหดตัวลง 3.5% ต่อปีในไตรมาสที่สิ้นสุดในเดือนก.ย.2555 ซึ่งนับเป็นการหดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส