นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าแนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงนี้คงจะไม่แข็งค่าไปกว่านี้มาก แต่อนาคตข้างหน้าคงไม่มีใครตอบได้ แต่มีการคาดการณ์ไว้ในสถานการณ์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม เรื่องสำคัญคงต้องดูในเรื่องของผลกระทบมากกว่า แม้ว่ายังไม่อันตราย แต่ก็ได้หารือกันว่าควรจะมีแนวทางเลือกเพื่อลดผลกระทบของภาคเอกชน
"ทั้งหมดขอร้องว่าอย่าเพิ่งตกใจ เพราะรัฐบาลจะมีวิธีการและนำเสนอให้ทราบอีกครั้ง"น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวภายหลังหารือกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเพื่อติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่า โดยมอบให้กระทรวงการคลังบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษากระทบ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้ส่งออก เป็นเพียงการติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็จะมีการนัดหารือกับกลุ่มผู้ส่งออกในเร็วๆนี้เพื่อพูดคุยและแนะนำเพื่อเตรียมการในการปรับตัวรับความผันผวนและผลกระทบต่างๆที่เกิดขึ้น โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปศึกษา ซึ่งเบื้องต้นได้รับรายงานว่ายังไม่มีผลกระทบมาก
"ความจริงไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนก เพราะเรามีทางออกอีกหลายทาง และการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนก็ยังเป็นช่องว่างที่เรายังคงต้องทำเพิ่ม การหารือเช้าวันนี้เป็นการติดตามสถานการณ์ตามปกติ แต่เราอยากให้มีการเตรียมทางเลือกไว้หลายๆทางเพื่อเป็นทางเลือกให้กับภาคเอกชน กลุ่มผู้ส่งออก ธุรกิจเอสเอ็มอี มีทางเลือกหลายๆทาง อย่างน้อยจะได้มีมีความคล่องตัวและสามารถกระจายช่องทางต่างๆได้"นายกรัฐมนตรี กล่าว