สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 16.8 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,669.9 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1664.20 -1685.80
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 71.7 เซนต์ ปิดที่ 31.722 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 0.80 เซนต์ ปิดที่ 3.6765 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1683.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 8.00 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. 726.70 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.50 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยมีรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นในภาคการผลิตของสหรัฐเดือนม.ค.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 56.1 จากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 54.0 โดยดัชนี PMI เบื้องต้นภาคการผลิตเดือนม.ค.ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 53.0
นอกจากนี้มีรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นแตะ 51.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 24 เดือน จากระดับ 51.5 ในเดือนธ.ค. และดัชนี PMI เบื้องต้นรวมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของเยอรมนีในเดือนม.ค.พุ่งขึ้นแตะ 53.6 จาก 50.3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งส่งสัญญาณที่สดใส โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีภาคบริการที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม มอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นแข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงปี 2557 เนื่องจากความเป็นไปได้ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไปอีกเป็นเวลา 2-4 ปี เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์คาดว่า ราคาทองคำอาจจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 1,830 ดอลลาร์/ออนซ์ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จากไตรมาสแรกที่ระดับ 1,715 ดอลลาร์/ออนซ์, 1,745 ดอลลาร์/ออนซ์ในไตรมาสที่ 2 และ1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ในไตรมาสที่ 3