ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 2.04% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 90.400 เยน จากระดับของวันพุธที่ 88.590 เยน แต่ดอลลาร์สหรัฐขยับลง 0.06% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9284 ฟรังค์ จากระดับ 0.9290 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.47% แตะที่ 1.3378 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3316 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.34% แตะที่ 1.5790 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5844 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.89% แตะที่ 1.0459 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0553 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.46% แตะที่ 0.8381 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8420 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินเยนดิ่งลงอย่างหนักหลังจากนายนิชิมุระ รมช.เศรษฐกิจของญี่ปุ่นกล่าวว่า เงินเยนมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงอีก และยังกล่าวด้วยว่า หากสกุลเงินเยนอ่อนค่าลงมาถึงระดับ 100 เยนต่อดอลลาร์ ก็ยังถือว่าเป็นระดับที่ยอมรับได้
ขณะที่สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นรวมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของเยอรมนีในเดือนม.ค.พุ่งขึ้นแตะ 53.6 จาก 50.3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งส่งสัญญาณที่สดใส โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีภาคบริการที่แข็งแกร่ง
ส่วนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ม.ค. ลดลง 5,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 330,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2551 สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มนายจ้างยังคงมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นในภาคการผลิตของสหรัฐเดือนม.ค.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 56.1 จากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 54.0 โดยดัชนี PMI เบื้องต้นภาคการผลิตเดือนม.ค.ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 53.0