โดยหลักเกณฑ์ที่จะออกประกาศนั้น จะกำหนดให้การจับกุมผู้กระทำผิดละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมูลค่าความเสียหายเกิน 500,000 บาท สามารถใช้ข้อกฎหมายนี้เข้าไปดำเนินการยึดทรัพย์ จึงต้องการเตือนผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้จำ หน่าย และศูนย์กระจายสินค้า ให้เลิกกระทำผิด ไม่เช่นนั้น จะถูกยึดทรัพย์แน่
ขณะเดียวกัน จะประสานไปยังกรมสรรพากรให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน การเสียภาษีของผู้กระทำผิดด้วย หากพบเลี่ยงภาษี ให้ดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดเช่นกัน
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว โดยมีตนเป็นประธาน ซึ่งจะทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน 24 หน่วยงาน โดยแบ่งกลุ่มการทำงานออกเป็น 4 กลุ่ม คือ ด้านการปราบปราม ได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดูแล ส่วนด้านข้อกฎหมายให้สำนักงานอัยการดูแล ด้านการประชาสัมพันธ์ให้ภาคเอกชนดูแล และด้านการเยียวยาผู้ประกอบการรายย่อย ให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าดูแล ซึ่งจะมีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นผู้ประสานงาน
นอกจากนี้ จะเร่งรณรงค์ โดยกำหนดให้ปี 56 เป็นปีแห่งการต่อต้านการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีกิจกรรมที่จะดำเนินการหลากหลาย เช่น การรณรงค์เปลี่ยน DNA เยาวชนไทย ไม่ซื้อ ไม่ถือ ไม่ใช้ของปลอม การทำลายของกลางที่จะทำเพิ่มมากขึ้น ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด การจัดทำสื่อรณรงค์ “ของปลอม คนซื้อเป็นอันตราย คนขายเจอจัดหนัก" การผลักดันเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาเข้าไปในหลักสูตรการศึกษา