"สมาคมฯตั้งเป้าการส่งออกข้าวปี 56 ในส่วนของภาคเอกชนที่ 6.5 ล้านตัน แต่หากรัฐบาลสามารถส่งออกข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ได้ตามแผนประมาณ 1.5 ล้านตัน จะทำให้การส่งออกข้าวไทยในภาพรวมได้ 8 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้ไทยกลับมาเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งเช่นเดิม หลังจากปี 55 อยู่ที่อันดับ 3 รองจากอินเดีย และเวียดนาม" น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าว
ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปแล้ว 3% ทำให้ราคาข้าวไทยปรับตัวสูงขึ้นไปอีก หรือราคาเพิ่มขึ้นตันละ 50 เหรียญสหรัฐ ซึ่งจะยิ่งเป็นปัจจัยกดดันที่ทำให้การส่งออกข้าวไทยเสียเปรียบคู่แข่งมากขึ้น
สำหรับปริมาณสต๊อกข้าว 10 ล้านกว่าตันข้าวสารนั้น ประเมินว่ารัฐบาลต้องใช้ระยะเวลานานถึง 3 ปีกว่าจะระบายสต๊อกได้หมด ทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพลง รัฐบาลจึงมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนจากต้นทุนรับจำนำเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ผู้ส่งออกข้าวหลายรายที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรับจำนำก็ผันตัวเองมาเป็นนายหน้าทำตลาดข้าวให้กับประเทศเพื่อนบ้านแทน เพื่อส่งออกไปประเทศที่สาม