"ตัวเลขรายได้ในปี 2558 จำนวน 2 ล้านล้านบาทไม่น่าจะยาก และอาจจะต้องปรับเป้าหมายกันใหม่" นายกิตติรัตน์ กล่าว
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า สิ่งที่จะสนับสนุนให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น จะต้องทำ 3 เรื่อง คือ การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว การเพิ่มจำนวนวันพักอาศัย ตลอดจนการเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัว ทั้งนี้ต้องจัดระเบียบสถานที่ท่องเที่ยวเดิม การจัดระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพ และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ สำรวจทรัพย์สินที่มีอยู่ในประเทศว่าสามารถทำอะไรกับทรัพย์สินเหล่านี้ได้บ้าง ซึ่งประเทศไทยมีทรัพย์สินมากมาย ยังสามารถทำอะไรได้อีกมากเพื่อให้ประเทศไทยน่าท่องเที่ยว เช่น ปรับปรุงเกาะรัตนโกสินทร์ตั้งแต่ถนนราชดำเนินใน สนามหลวง เรื่อยมาจนถึงพระที่นั่งอนันตสมาคม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม
นอกจากนี้ อาคารของส่วนราชการหลายแห่งมีความสวยงาม เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวง ทบวงกรมต่างๆที่มีความสวยงาม เราอาจสร้างอาคารที่ทำการหลังใหม่ขึ้นและใช้อาคารเก่าเป็นพิพิธภัณฑ์ได้ ซึ่งในข้อนี้หลายหน่วยงานกำลังดำเนินการ บางหน่วยงานเพิ่มเริ่มโครงการ,ย่านเจริญกรุง มีโรงแรมสวยงามหลายแห่ง มีเอเชียทีคเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว, เขตสาทร มีวัดยานนาวาที่เคยเป็นอู้ต่อเรือ, องค์การสะพานปลา ถ้าเรานำสถานที่เหล่านี้มาขมวดกันใหม่ อาจจะได้แหล่งท่องเที่ยวดีๆ อีกมาก
"อยากฝากคนในวงการท่องเที่ยวให้ช่วยกันกดดันรัฐบาลจะเป็นพระคุณ เพราะรัฐบาลจะได้ตระหนักถึงความต้องการอย่างแท้จริง เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว...การคิดกันแต่เพียงว่าเป็นแชมป์ด้านจำนวนนักท่องเที่ยว ไม่สำคัญเท่ากับการทำทุกอย่างให้เกิดประสิทธิภาพ...ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรหารือเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ ซึ่งต้องเกิดจากความต้องการของคนในวงการท่องเที่ยว ส่วนการที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับเมืองไม่ปลอดภัย รัฐบาลจะดำเนินการให้เรียบร้อยมากขึ้น ถึงแม้ในระยะสั้นจะขาดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวมาดูแล แต่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็สามารถที่จะเชื่อมต่อ"นายกิตติรัตน์ กล่าว
รองนายกฯ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เป็นโจทย์ให้ประเทศไทยคิดต่อ คือ การสร้างรันเวย์ที่ 3 และการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรัฐบาลมีแผนที่จะปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคมต่างๆ เพื่อการเชื่อมต่อและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวจาก พ.ร.บ.กู้เงินในโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท โดย 3 ใน 4 เป็นเรื่องของระบบราง เช่น ขยายขนาดรางจาก 1 เมตร เป็น 2 เมตร, ระบบรางคู่ การพัฒนาขนส่งทางถนนเชื่อมโยงกับระบบราง
"สิ่งที่ผมเอ่ยมาทั้งทั้งหมดไม่ใช่แค่ความคิด ไม่ใช่แค่ความฝัน แต่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาไม่นานนัก เป้าหมาย 2 ล้านล้านบาท คงไม่เกินความสามารถ"นายกิตติรัตน์ กล่าว
ด้านนายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวปี 2555 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งสิ้นกว่า 22.3 ล้านคน โตขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สามารถสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้กว่า 960,000 ล้านบาท อัตราการเข้าพักโรงแรมต่าง ๆ อยู่ที่ 64.91% เติบโตจากปี 2555 ที่อยู่ที่ 58.42%
ขณะที่นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวเสริมว่า คาดว่าปี 2558 จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 28.8 ล้านคน แต่ยังเป็นห่วงปัจจัยกดดัน คือ การเมืองในประเทศ และความไม่ปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ส่วนนายฉลองชัย หิรัณยเลขา ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาดและบริหารรายได้ บมจ.การบินไทย (THAI) คาดการณ์ว่าปี 2556 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออก ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ประมาณ 67 ล้านคน และปี 2558 เพิ่มเป็น 77 ล้านคน โดยในปีนี้การบินไทยจะเปิดเส้นทางใหม่อีก 5 เส้นทางในนาม ไทยสไมล์ และ 4 เส้นทางในนาท Charter Flight
ส่วนนายสมชาย สวัดิผล รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเดินหน้าสุวรรณภูมิเฟสที่ 2 และ เฟสที่ 3 โดยคาดว่าเฟสที่ 2 จะแล้วเสร็จปลายปี 2559 และเริ่มเปิดให้บริการต้นปี 2560 ขณะที่เฟสที่ 3 ก็จะเริ่มดำเนินการควบคู่กันไปตั้งแต่ปีนี้