สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3575 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3567 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5858 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5793 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 0.9097 ฟรังค์สวิส จากระดับ 0.9109 ฟรังค์ แต่ก็แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 91.38 เยน จากระดับ 91.2 เยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 ม.ค.พุ่งขึ้น 38,000 ราย สู่ระดับ 368,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 350,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 330,000 ราย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงซบเซา
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่า รายได้ส่วนบุคคลเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 2.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. ปี 2547 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.8% ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ สะท้อนให้เห็นว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงต้นปีนี้
นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายหลังจากที่สหรัฐเปิดเผยจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นเกินคาด พร้อมกับจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 7.8%