ผู้เลี้ยงหมูแจงขึ้นราคาเหตุดีมานด์-ซัพพลายไม่สมดุลช่วงตรุษจีน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday February 1, 2013 17:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนิพัฒน์ เนื้อนิ่ม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า ราคาสุกรที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้เกิดจากปริมาณสุกรที่ออกสู่ตลาดลดลงประมาณ 10% จากความเสียหายของโรค PRRS และโรค PED ในช่วงตุลาคม-ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับปริมาณการบริโภคที่เพิ่มขึ้นกว่า 15% เนื่องจากใกล้เทศกาลตรุษจีน

อย่างไรก็ตาม ราคาที่ปรับขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ที่จริงแล้วเกษตรกรเพิ่งจะขายได้ราคาเกินทุนมาเพียงไม่ถึง 10 วัน จากต้นทุนเฉลี่ยปี 2555 ที่ 61-63 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งต้องแบกรับภาระขาดทุนเช่นนี้มาตลอดเป็นเวลาร่วมปี

"ก่อนนี้ผู้เลี้ยงหมูต่างต้องแก้ปัญหาขาดทุนกันเองมาตลอดโดยไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือ วันนี้ราคาเพิ่มขึ้นด้วยเหตุผลที่ดีมานด์กับซัพพลายไม่สมดุล จึงวอนขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น ต้องไม่ลืมว่าผู้บริโภคมีทางเลือกในการบริโภคเนื้อสัตว์ แต่ผู้เลี้ยงหมูมีเพียงอาชีพเดียวที่ใช้เลี้ยงครอบครัว" นายนิพัฒน์

ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี 2555 ที่ผ่านมา เกษตรกรต้องประสบกับภาวะโรคอย่างหนัก ทั้งโรค PRRS ที่ทำให้แม่หมูแท้งช่วงปลายการอุ้มท้อง ทำให้อัตราเข้าคลอดลดลงเหลือเพียง 70-75% จากปกติที่ 85% ส่วนลูกหมูที่เกิดจากแม่เป็นโรคก็จะอ่อนแอ การเจริญเติบโตต่ำ และเสียหายก่อนหย่านมเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังมีโรค PED ที่สร้างความเสียหายให้กับลูกหมูอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่ออากาศแปรปรวนทั้งฝนและหนาวสลับกันในช่วงที่ผ่านมา ยิ่งกระทบให้ภาวะโรครุนแรงขึ้น ส่งผลให้ช่วงนี้หมูหน้าฟาร์มลดจำนวนลง เกษตรกรต้องขายหมูตัวเล็กลงที่ 102-103 กิโลกรัม จากก่อนหน้าขายหมูที่ 107-108 กิโลกรัม

ที่ผ่านมาสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติและสมาคมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดต่างๆ ได้ร่วมมือกับเกษตรกรในการควบคุมการผลิตหมูให้สมดุลย์กับการบริโภคหากแต่ภาวะโรคที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปริมาณสุกรลดลง ขณะที่เกษตรกรหลายรายไม่สามารถแบกรับภาระขาดทุนได้ และขาดสภาพคล่อง จึงจำเป็นต้องเลิกเลี้ยงไป ยิ่งทำให้ปริมาณหมูเนื้อลดลงไปอีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ