สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3519 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3664 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.5764 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5719 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9083 ฟรังค์ จากระดับ 0.9076 ฟรังค์ และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 92.42 เยน จากระดับ 92.74 เยน
สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันอย่างหนักหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของอิตาลีพุ่งขึ้น 0.14% แตะที่ 4.47% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสเปนพุ่งขึ้น 0.23% แตะที่ 5.44% เมื่อวานนี้
การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นผลมาจากความผันผวนทางการเมืองของทั้งสองประเทศ โดยมีรายงานว่านายกรัฐมนตรี มาริอาโน ราฮอย ของสเปนกำลังถูกกดดันจากฝ่ายค้านให้ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่เขามีส่วนพัวพันในกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริต
ส่วนสถานการณ์การเมืองในอิตาลีนั้น นักลงทุนวิตกว่าหากนายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี อดีตนายกรัฐมนตรีกลับสู่อำนาจอีกครั้งในการเลือกตั้งทั่วไปช่วงปลายเดือนนี้ ก็อาจจะส่งผลต่อความต่อเนื่องในการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเงินของประเทศซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันได้เริ่มต้นเอาไว้ โดยโพลล์ล่าสุดชี้ว่านายแบร์ลุสโคนีกำลังมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.2%
ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะจัดการประชุมในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งนักลงทุนจับตาดูว่าอีซีบีจะประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินหรือไม่ หลังจากที่การประชุมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น อีซีบีมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.75% และไม่ได้ประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม เพราะต้องการจะประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและรอดูโอกาสที่เหมาะสมก่อนที่จะเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่