แนวโน้มที่ย่ำแย่ดังกล่าวสวนทางกับความคิดเห็นของนายจอร์จ โปรโวโปลอส ผู้ว่าการธนาคารกลางกรีซ ที่ระบุเมื่อเดือนม.ค.ว่า “ภาวะเลวร้ายที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว"
นายคาร์ล ไอจินเจอร์ ผู้อำนวยการ WIFO กล่าวว่า การคาดการณ์ของ WIFO บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของกรีซจะไม่เพียงแค่ชะงักงัน แต่จะเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามด้วย โดยระบุเสริมว่ากรีซอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้หากปราศจากการปรับเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์และความช่วยเหลือจากประเทศอื่นๆในยุโรป
อัตราว่างงานในกรีซได้พุ่งขึ้นแตะ 19.7% และอาจจะยังคงเพิ่มขึ้นตลอดปี 2556
นายไอจินเจอร์กล่าวว่า กรีซต้องเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ ขยายฤดูการท่องเที่ยว และคุมเข้มการบริการด้านสุขอนามัย
นอกจากนี้ กรีซควรปรับโครงสร้างการบริหารและปฏิรูปการจัดเก็บภาษี ขณะที่สตรีและเยาวชนควรมีบทบาทเชิงรุกมากขึ้นในกระบวนการปฏิรูปดังกล่าว ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริหาร การเมืองและเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการ WIFO ระบุว่า “หลักสำคัญของกลยุทธ์การขยายตัวต้องส่งเสริมบริษัทที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ ทำให้การลงทุนโดยตรงมีความน่าดึงดูดใจ จัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรม หรือให้ความสำคัญอันดับแรกกับเทคโนโลยีพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์" สำนักข่าวซินหัวรายงาน