สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 4.40 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,666.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. โดยราคาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆไม่ถึง 9 ดอลลาร์ ระหว่าง 1665.80 - 1674.30 ดอลลาร์ สำหรับตลอดสัปดาห์ สัญญาทองคำลดลง 0.2%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ดีดขึ้น 3.80 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 31.441 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 3.25 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 3.7595 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,714.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 7.60 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 751.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ดีดขึ้น 1.05 ดอลลาร์
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2556 เปิดฉากมานี้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงไปแล้ว 0.3% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวได้จำกัดแรงซื้อ โดยในวันศุกร์บรรดาประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่ของโลกได้เปิดเผยข้อมูลการค้าที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนพากันหันไปซื้อสินทรัพย์ที่เสี่ยงกว่าอย่างหุ้น แทนทองคำ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐที่หดตัวลง ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวกสำหรับเศรษฐกิจนั้น ส่งผลดีต่อตลาดหุ้น แต่ในทางกลับกันก็สร้างแรงกดดันให้กับสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า อย่างเช่นทองคำ โดยนักวิเคราะห์ต่างเชื่อว่า ดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 1,500 จุดจะเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนผละจากตลาดทองและพันธบัตร และแห่กันเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง
วานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐร่วงลงเกือบ 21% ในเดือนธ.ค. สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี ด้านกรมศุลการกรจีนรายงานยอดส่งออกและนำเข้าที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในเดือนม.ค. ส่วนสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเผยมูลค่าการส่งออกที่ทะยานขึ้นแซงหน้าการนำเข้าในปี 2555 ส่งผลให้เยอรมนีมียอดเกินดุลการค้าในปีที่แล้วที่ 1.881 แสนล้านยูโร ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับ 2 ที่เคยทำไว้ในรอบ 60 ปี