ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3362 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3403 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5797 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5712 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9172 ฟรังค์ จากระดับ 0.9179 ฟรังค์ แต่แข็งค่าขึ้นแตะ 1.0028 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 0.9981 ดอลลาร์แคนาดา
เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะ 92.84 เยน จากระดับ 93.54 เยน
ทั้งนี้ เยนแข็งค่าเทียบดอลลาร์ หลังจากที่อ่อนลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อวันก่อน เนื่องจากการแสดงความเห็นของนายอาโสะได้จุดกระแสคาดการณ์ว่า ญี่ปุ่นอาจชะลอการใช้มาตรการผ่อนคลายต่างๆ
การที่ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นอย่างปุบปับสู่ระดับ 90 เยนนั้น เป็นสิ่งที่เรา "ไม่ได้คาดหมายไว้" รมว.คลังญี่ปุ่นกล่าว
นอกจากนี้ มีรายงานว่านายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ กำลังเผชิญการคัดค้านจากภายในคณะรัฐมนตรีของเขาเองในเรื่องการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) คนใหม่ที่จะมาขยายนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่า การดีดตัวขึ้นของเงินเยนเมื่อวันศุกร์อาจจะเป็นแค่ชั่วคราว เนื่องจากมีแนวโน้มว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะยังคงสนับสนุนให้สกุลเงินอ่อนค่าเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะเดียวกัน สกุลเงินยูโรยังคงอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เพราะได้รับแรงกดดันจากถ้อยแถลงของประธานอีซีบีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของอีซีบีกำลังจับตาดูการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรและผลกระทบที่จะมีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป โดยนายดรากิกล่าวเป็นเชิงส่งสัญญาณว่า แม้การแข็งค่าของสกุลเงินยูโรในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่การแข็งค่าของยูโรอาจทำให้อีซีบีต้องออกมาตรการรับมือ
ด้านเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่นายมาร์ค คาร์นีย์ ว่าที่ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษคนต่อไป ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในนโยบายการเงิน