ทั้งนี้ จากการที่ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ได้ทำให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ต่างชาติ โดยจะเห็นได้จากในช่วงนี้มีผู้นำของหลายประเทศเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เช่น มิชลินจากฝรั่งเศส และฮอนด้าจากญี่ปุ่น ซึ่งในส่วนของฮอนด้านั้นล่าสุดได้ตัดสินใจขยายการลงทุนในประเทศไทยที่ จ.ปราจีนบุรี คิดเป็นมูลค่า 17,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์ในประเทศปีละ 120,000 คัน และใช้ไทยเป็นฐานสำหรับการส่งออก
นายกรัฐมนตรี มองว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจต่างประเทศมีความผันผวน นับเป็นโอกาสดีของบริษัทคนไทยที่มีศักยภาพในการที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ โดยหวังให้กลไกต่างๆ ทั้งสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ บีโอไอ เป็นตัวขับเคลื่อนกลไกการทำงานของเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
"มีหลายประเทศประกาศลงทุนเพิ่ม ด้วยบรรยากาศที่ดีขึ้น นโยบายต่างๆที่เราเสริม การก้าวสู่ประชาคมอาเซียนและไทยอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ดี แต่จากความผันผวนต่างๆ ประเทศไทยต้องตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท และต้องเติบโตอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ"นายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี อยากเห็นการลงทุนที่แท้จริงซึ่งหมายถึงการลงทุนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของศักยภาพที่แท้จริง เพราะการลงทุนมากเกินตัวจะเป็นสิ่งไม่ดี แต่การลงทุนจะต้องดำเนินไปพร้อมๆ กับประสิทธิภาพซึ่งจะทำให้ประเทศเติบโตได้อย่างมั่นคง โดยอยากเห็นทุกกลไกการทำงานประสานกันอย่างสอดคล้อง
และจากภาวะเงินบาทแข็งค่าอันเนื่องจากเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงทุนที่ไหลเข้ามาควรเข้ามาในส่วนของเรียลเซคเตอร์ ไม่ใช่เป็นการเข้ามาเก็งกำไร เพราะการที่มีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความพร้อมอย่างแท้จริงนั้น จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริงและสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจไทยให้มีความเข้มแข็ง