นายอีเมอร์สันให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า MRRT ได้รับการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นและยังไม่มีแผนในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบภาษีดังกล่าว พร้อมกับปฏิเสธข้ออ้างที่ว่า รายได้ของรัฐบาลไม่เพียงพอสำหรับต้นทุนด้านการบริหาร
ด้านนายเวย์น สวอน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังก็ได้ออกมาปกป้อง MRRT เช่นเดียวกัน โดยกล่าวแถลงต่อรัฐรัฐสภาออสเตรเลียว่า ออสเตรเลียจำเป็นต้องมีภาษีเช่าทรัพยากรแร่เพื่อลูกหลานชาวออสเตรเลีย
นายสวอนได้เปิดเผยในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ยอด MRRT เพิ่มขึ้นเพียง 126 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (129.8 ล้านดอลลาร์) ในช่วง 6 เดือนแรกของปีเมื่อเทียบกับการคาดการณ์สำหรับตลอดทั้งปีที่ 2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.06 พันล้านดอลลาร์)
รัฐบาลออสเตรเลียอ้างว่า ตัวเลขดังกล่าวเกิดจากความผันผวนของราคาแร่ ในขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านระบุว่าอัตราภาษีดังกล่าวมีข้อบกพร่อง
ทั้งนี้ ราคาแร่เหล็กได้ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ 85 ดอลลาร์/ตัน เมื่อในที่ 5 กันยายน 2555 แต่ฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ประมาณ 110 ดอลลาร์/ตัน ในช่วงที่รัฐบาลกำลังปรับปรุงงบประมาณกลางปีในเดือนตุลาคม
พรรคฝ่ายค้านระบุว่า นายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ด และนายสวอนควรเป็นฝ่ายถูกตำหนิที่ได้ตกลงอัตราภาษีที่ 30% กับบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่ 3 แห่งอันได้แก่ บีเอชพี บิลลิตัน, ริโอ ทินโต และเอ็กสตราต้า
นายมาเธียส คอร์มานน์ รัฐมนตรีเงากระทรวงการคลังกล่าวในแถลงการณ์ว่า “พรรคฝ่ายค้านได้พูดก่อนหน้านี้ว่า ภาษี MRRT ของพรรคแรงงานเป็นนโยบายการคลังที่ประสบความล้มเหลว"
ด้านนายอดัม แบนดท์ รองหัวหน้าพรรคกรีน ระบุว่าระบบภาษีในปัจจุบันเป็นความล้มเหลว พร้อมเสนอกฎหมายเพื่ออุดรูรั่วซึ่งช่วยให้บริษัทเหมืองแร่เสียภาษีให้กับรัฐน้อยลงทั้งในช่วงที่ผ่านมาและในอนาคต
ทั้งนี้ รายได้จาก MRRT จะถูกนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการริเริ่มหลายอย่าง ซึ่งรวมไปถึงสัมปทานภาษีจากการรับประกันเงินเกษียณอายุจาก 9% เป็น 12% การยกเลิกจ่ายภาษีสมทบ 15% ให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยและการลดหย่อนภาษีให้กับธุรกิจขนาดเล็ก สำนักข่าวซินหัวรายงาน