นายโฮโซดะกล่าวที่เมืองมัทซุเอะ จังหวัดชิมาเนะว่า เตาปฏิกรณ์ส่วนใหญ่ถูกปล่อยทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งหมายความถึงต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น และอาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจหยุดชะงักในที่สุด พร้อมกับเสริมว่า หากรัฐบาลตัดสินใจให้กลับมาเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่ ก็เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีการรับประกันเรื่องความปลอดภัย
นายโฮโซดะยังกล่าวด้วยว่า "บริษัทพลังงานจะต้องเผชิญการขาดดุลเงินทุนในประมาณ 3 ปี ถ้าเตาปฏิกรณ์ยังถูกพักการทำงาน"
ปัจจุบันมีเตาปฏิกรณ์จากโรงงานโออิ ของบริษัทคันไซ อิเล็คทริค พาวเวอร์ เพียง 2 เตาเท่านั้นที่เปิดดำเนินการ จากจำนวนเตาปฏิกรณ์เชิงพาณิชย์ทั้งหมด 50 เตา ภายหลังเกิดการระงับการทำงานของเตาปฏิกรณ์ในวงกว้างจากวิกฤตกัมมัตรังสีรั่วไหลที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมา ไดอิจิ
พร้อมกันนี้ นายโฮโซยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการที่ญี่ปุ่นจะเข้าร่วมเจรจาหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกว่า มีแนวโน้มว่าเงื่อนไขขั้นสุดท้ายของการเจรจาจะเป็นเรื่องที่ญี่ปุ่น "ไม่อาจยอมรับได้" โดยญี่ปุ่นจำเป็นต้องพิจารณาการเข้าร่วมด้วยความระมัดระวัง ในขณะที่สหรัฐเป็นผู้นำออกข้อกำหนดในการหารือเขตการค้าเสรีภาคพื้นแปซิฟิคดังกล่าว
ทั้งนี้ พรรคแอลดีพีได้ให้คำมั่นในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 16 ธ.ค.ว่า ญี่ปุ่นจะไม่เข้าร่วมการเจรจาดังกล่าวหากมีการเสนอให้มียกเลิกพิกัดภาษีทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น สำนักข่าวเกียวโดรายงาน