จากข้อมูลคาดการณ์ Supply-Demand (ปริมาณที่ผลิต กับ ความต้องการใช้น้ำมัน) ของ OPEC ล่าสุดคาดว่าความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 56 จะอยู่ที่ 89.55 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจาก 88.80 ล้านบาร์เรล/วันในปี 55 โดยเพิ่มจากภูมิภาคเอเชียและละตินอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ ส่วนความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ความต้องการจากภูมิภาคยุโรปน่าจะยังหดตัวลงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว
แต่แม้ว่าความต้องการน้ำมัน (Demand) จะเพิ่มขึ้น แต่ในด้านการผลิต (Supply) ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน และยังเพิ่มขึ้นมากกว่าด้วย โดย OPEC คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันจากนอกกลุ่มจะเพิ่มขึ้นจาก 58.73 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 55 ขึ้นเป็น 59.90 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และการผลิตที่เพิ่มขึ้นส่วนมากจะมาจากอเมริกาเหนือ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันจากกลุ่ม OPEC จะลดลงจากเดิม 30.07 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 55 มาเป็น 29.65 ล้านบาร์เรล/วัน ในปีนี้
เมื่อความต้องการพึ่งพาน้ำมันจาก OPEC จะลด กลุ่ม OPEC จึงลดปริมาณการผลิตลง โดยเริ่มลดปริมาณการผลิตตั้งแต่ช่วงปลายปี 55 เมื่อเทียบกับช่วงต้นปีแม้ว่าปลายปีจะเป็นช่วง High season ก็ตาม ซึ่งดูได้จากที่ OPEC เคยผลิตน้ำมันโดยเฉลี่ยในปี 55 อยู่ที่ 31.17 ล้านบาร์เรล/วัน แต่ล่าสุดในเดือนธันวาคม 55 กลับผลิต 30.3 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อทำให้ Demand — Supply มีความสมดุล
ดังนั้น โอกาสที่ราคาน้ำมันจะปรับเพิ่มขึ้นมากๆ จึงมีน้อย เพราะสถานการณ์ไม่ได้อยู่ในภาวะที่ขาดแคลน
ในระยะสั้น ช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ราคาน้ำมันมีโอกาสที่จะทรงตัวหรืออ่อนตัวลงจากระดับราคาปัจจุบันได้ (ปัจจุบัน ราคาน้ำมัน Nymex WTI อยู่ที่ประมาณ 97 ดอลลาร์/บาร์เรล) เพราะว่าความต้องการใช้น้ำมันได้ผ่านช่วง High Season ไปแล้ว และจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันจาก OPEC ในไตรมาสแรกปีนี้ลดลงเหลือ 29.27 ล้านบาร์เรล/วัน เทียบกับ 30.53 ล้านบาร์เรล/วัน ในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน
ถ้า OPEC ยังคงปริมาณการผลิตที่ 30.36 ล้านบาร์เรล/วัน ตลอดทั้งปี เช่นเดียวกับในช่วงเดือนธันวาคม 55 ก็จะทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวลดลงในช่วงต้นปี แล้วค่อยดีขึ้นในช่วงปลายปี 56