ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3449 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3442 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.5442 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5653 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9157 ฟรังค์ จากระดับ 0.9178 ฟรังค์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.47 เยน จากระดับ 93.53 เยน
นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรับทราบผลการประชุมรมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศ G-20 โดยมีการคาดการณ์ว่าที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับการอ่อนค่าของสกุลเงินเยน
ส่วนในการประชุม G-7 นั้น ที่ประชุม ที่ประชุมได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายการเงินเพื่อควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนตัวผันผวน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงยอดค้าปลีกขยายตัวเพียง 0.1% แตะที่ระดับ 4.166 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ซึ่งชะลอตัวลงจากที่ขยายตัว 0.5% ในเดือนธ.ค. เนื่องจากมาตรการขึ้นภาษีและราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลง
ส่วนสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจของสหรัฐขยายตัว 0.1% สู่ระดับ 1.623 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. ซึ่งต่ำกว่าเดือนพ.ย.ที่ขยายตัว 0.2% และถือว่าขยายตัวช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว
สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท ระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซนขยายตัวขึ้น 0.7% ในเดือนธ.ค.2555 จากเดือนพ.ย.ที่ลดลง 0.7% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค. และหากเทียบกับเดือนธ.ค.2554 ผลผลิตอุตสาหกรรมใน 17 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรลดลง 2.4%
ในส่วนของทั้งอียูซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 27 ประเทศนั้น การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนพ.ย. และลดลง 2.3% เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.2554