รายงานระบุว่า หลังจากการควบรวมกิจการแล้ว กลุ่มเจ้าหนี้ กลุ่มสหภาพ และพนักงานของบริษัท เอเอ็มอาร์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของอเมริกัน แอร์ไลน์ส จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
การควบรวมกิจการในครั้งนี้ถือเป็นทางเลือกที่จะช่วยพยุงกิจการของเอเอ็มอาร์ คอร์ป ให้อยู่รอดต่อไปได้ หลังจากที่เมื่อช่วงปลายเดือนพ.ย. ปี 2554 เออาร์เอ็ม คอร์ปได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลาย ตามกฎหมายมาตรา 11 แห่งราชอาณาจักรสหรัฐ ภายหลังจากที่บริษัทไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการลดต้นทุนแรงงานร่วมกับกลุ่มนักบินในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาได้
ทั้งนี้ ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เอเอ็มอาร์เป็นผู้ประกอบการสายการบินรายใหญ่เพียงแห่งเดียวในสหรัฐที่รอดพ้นจากการยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลาย ในขณะที่สายการบินคู่แข่งหลายแห่งสามารถปรับโครงสร้างข้อตกลงด้านแรงงานและการลดต้นทุน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เอเอ็มอาร์กลายเป็นสายการบินที่มีต้นทุนสูงที่สุดในอุตสาหกรรมการเบิน และเป็นสายการบินรายใหญ่เพียงแห่งเดียวในสหรัฐที่ยังคงต้องจ่ายเงินบำเน็จบำนาญให้กับพนักงาน
ส่วนเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ปีนี้ สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์สประกาศว่าจะปลดพนักงาน 13,000 ตำแหน่ง เพื่อลดต้นแรงงานทุนลง 20% ซึ่งจะทำให้ต้นทุนโดยรวมลดลง 2 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
นิวยอร์กไทม์ส รายงานว่า การปลดพนักงานครั้งนี้คิดเป็นสัดส่วน 16% ของพนักงานสายการบินทั้งหมดกว่า 80,000 คน โดยพนักงานที่จะถูกปลดประกอบด้วยพนักงานแผนกเครื่องยนต์ 4,600 ตำแหน่ง, พนักงานบริการภาคพื้นดิน 4,200 ตำแหน่ง, พนักงานบริการบนเครื่องบิน 2,300 ตำแหน่ง, นักบิน 400 ตำแหน่ง รวมถึงพนักงานฝ่ายบริหารและบริการสนับสนุน 1,400 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ อเมริกัน แอร์ไลน์ส นับเป็นสายการบินที่มีต้นทุนแรงงานสูงที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายใหญ่อื่นๆ