สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 9.6 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ 1,635.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 30.353 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 51.6 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 0.5 เซนต์ ปิดที่ 3.7375 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,710.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 18.80 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 764.05 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 8.00 ดอลลาร์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท รายงานว่า จีดีพีของกลุ่มยูโรโซนหดตัวลง 0.6% ในไตรมาส 4 ปี 2555 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และเมื่อเทียบเป็นรายปี จีดีพียูโรโซนหดตัว 0.9% เนื่องจากการหดตัวของเศรษฐกิจในประเทศยักษ์ใหญ่อย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินสกุลดอลลาร์ในตระกร้าเงินเมื่อเทียบกับสกุลอื่นๆ พุ่งขึ้นแตะระดับ 80.489 จุดเมื่อวานนี้ จากระดับของวันพุธที่ 80.082 จุด
สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในช่วงไตรมาส 4/2555 เพิ่มขึ้น 3.8% สู่ระดับ 1,195.9 ตัน จากไตรมาส 4/2554 ที่ระดับ 1,151.7 ตัน เนื่องจากปริมาณการใช้ทองคำของอินเดียปรับตัวสูงขึ้น
รายงานของ WGC ระบุว่า อินเดียยังคงเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่สุดของโลก แซงหน้าจีน โดยปริมาณการใช้ทองคำของอินเดียในปี 2555 พุ่งขึ้น 41%
นอกจากนี้ WTC ระบุว่า ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำรวมกันทั้งสิ้น 534.6 ตันในปี 2555 ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2507 เนื่องจากความต้องการทองคำทั่วโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์