ทั้งนี้ อาร์เซพจะเป็นความตกลงยุคใหม่ของอาเซียนที่จะพัฒนาต่อยอดจากความตกลงการค้าเสรีที่อาเซียนมี อยู่แล้ว 5 ฉบับกับ 6 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน-จีน, อาเซียน-ญี่ปุ่น, อาเซียน-เกาหลี, อาเซียน-อินเดีย และอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ โดยอาร์เซพจะเป็นความตกลงแบบครอบคลุมทุกด้าน ประกอบด้วยความร่วมมือทั้งเชิงลึกและเชิงกว้างกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค และจะครอบคลุมทุกมิติในด้านการเข้าถึงตลาด
"อาเซียนตั้งเป้าลดภาษีระหว่างกันให้ได้มากที่สุด รวมถึงลดอุปสรรคทางการค้าสินค้า บริการ และการลงทุน และจะเปิดกว้างผนวกประเด็นใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบัน เช่น เรื่องนโยบายการแข่งขัน และทรัพย์สินทางปัญญา เข้าไปในความตกลงด้วย" นางพิรมลกล่าว
สำหรับความตกลงอาร์เซพเป็นข้อตกลงสำคัญของอาเซียน ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและของโลก และจะเกิดผลประโยชน์กับไทยและอาเซียนอย่างมาก เพราะตลาดจะใหญ่ขึ้นมาก ประชากรรวมกันกว่า 3,300 ล้านคน หรือคิดเป็น 49.3% ของประชากรทั้งโลก มีจีดีพีรวมกันกว่า 17.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็น 27% ของจีดีพีโลก ซึ่งจีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น, อินเดีย, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์นับว่าเป็นทั้งคู่เจรจา คู่ค้า และตลาดส่งออกที่สำคัญของอาเซียน