ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3388 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3355 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.5424 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5514 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9231 ฟรังค์ จากระดับ 0.9223 ฟรังค์ และพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.44 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 93.42 เยน
สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นขานรับรายงานของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW ซึ่งระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเยอรมนีที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจในอีก 6 เดือนข้างหน้า ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 48.2 จาก 31.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ดัชนีจะปรับตัวขึ้นแตะที่ระดับ 35 ในเดือนก.พ.
ดัชนีที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่า กลุ่มผู้สร้างบ้านมีมุมมองต่อตลาดที่อยู่อาศัยในเชิงลบมากกว่าในเชิงบวก โดยดัชนียังไม่เคยปรับตัวเหนือระดับ 50 มานับตั้งแต่เดือนเม.ย.2549
สกุลเงินเยนอ่อนค่าลงหลังจากนายทาโร อาโสะ รมว.คลังญี่ปุ่น ได้ปฏิเสธกระแสคาดการณ์ที่ว่า มีความเป็นไปได้ที่ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะเรียกร้องให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะซื้อพันธบัตรต่างชาติ ในความพยายามเพื่อสร้างความผ่อนคลายในตลาดการเงินต่อไป
"เราไม่มีความตั้งใจที่จะขอให้บีโอเจซื้อพันธบัตรต่างชาติ" นายอาโสะกล่าวกับผู้สื่อข่าว ซึ่งมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะของญี่ปุ่น ได้กล่าวในการประชุมรัฐสภาว่า มาตรการดังกล่าวอาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่มีโอเจจะนำมาใช้ในการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม
สำหรับข่าวคราวความคืบหน้าในยุโรปนั้น นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า การตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำเป็นเวลานานก่อให้เกิดความเสี่ยงหลายประการ นับเป็นการส่งสัญญาณว่าอีซีบีไม่น่าจะลดดอกเบี้ยลงอีก
ประธานอีซีบีกล่าวต่อสมาชิกรัฐสภายุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานอาจกระทบต่อผลตอบแทนที่ผู้ออมเงินและนักลงทุนจะได้รับ อาจทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดที่อยู่อาศัย และอาจทำให้ธนาคารขาดความระวังจนปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจที่ไม่มีกำไรมากเกินไป
สำหรับในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งหลายฝ่ายกำลังวิตกที่เงินยูโรแข็งค่าเกินไปและเงินเยนอ่อนค่าเกินไปนั้น นายดรากิกล่าวว่า การใช้คำว่า "สงครามค่าเงิน" รุนแรงเกินไปในสถานการณ์นี้