(เพิ่มเติม) ก.พลังงาน เผยพม่าเลื่อนหยุดซ่อมเป็น 5-14 เม.ย., ประสานหน่วยงานเตรียมพร้อมรับสถานการณ์

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 20, 2013 14:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่าได้เจรจากับ บริษัท Total ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการแหล่งก๊าซยาดานา โดยเลื่อนการซ่อมบำรุงออกไปอีก 1 วันกว่า จากเดิมจะหยุดซ่อมบำรุงในวันที่ 4-12 เม.ย. 56 เป็นเริ่มหยุดซ่อมตอนเที่ยงวันของวันที่ 5 เม.ย. ถึง 14 เม.ย. 56 โดยจะเริ่มเวลา 12.00 น.ซึ่งจะทำให้ลดความเสี่ยงของระบบไฟฟ้าและลดการใช้น้ำมันเตาได้ถึง 26 ล้านลิตร และน้ำมันดีเซล 15 ล้านลิตร ทำให้ลดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงลง

นอกจากนี้ได้ประสานกับผู้รับสัมปทานของแหล่งไพลินเหนือ ซึ่งมีกำลังการผลิตก๊าซฯ 210 ล้านลบ.ฟุต/วัน และแหล่งปลาทอง ซึ่งมีกำลังการผลิตก๊าซฯ 200 ล้านลบ.ฟุต/วัน ให้เลื่อนการหยุดซ่อมบำรุงในช่วงดังกล่าวออกไปก่อน จนกว่าการซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซยานาดาจะแล้วเสร็จ

ก่อนหน้านี้ แหล่งยานาดา แจ้งว่าจะหยุดซ่อมบำรุงท่อส่งก๊าซธรรมชาติในช่วง 4-12 เม.ย.56 เพื่อแก้ปัญหาการทรุดตัวของแท่นก๊าซเผาทิ้ง และแท่นที่อยู่อาศัย ซึ่งต้องมีการติดตั่งใหม่ จึงส่งผลให้ต้องหยุดรับก๊าซจากแหล่งในสหภาพพม่าทั้งหมด

ด้าน บมจ.ปตท.(PTT) นั้น กระทรวงพลังงานได้ขอให้สำรองน้ำมันและน้ำมันดีเซลให้กับโรงไฟฟ้าเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนในช่วงการหยุดจ่ายก๊าซฯ และให้เตรียมการจัดการก๊าซ NGV โดยเบื้องต้นจะมีปริมาณก๊าซค้างในท่อ 350 ล้านลบ.ฟุต ซึ่งจะจ่ายให้กับสถานี NGV แม่ใน จ.ราชบุรีได้โดยไม่ได้รับผลกระทบ สำหรับสถานีอื่นๆ จะใช้ก๊าซฯ จากฝั่งตะวันออกจ่ายย้อนเข้ามา ซึ่งสามารถใช้กับรถยนต์ทั่วไปได้

สำหรับผลกระทบด้าน LPG เนื่องจากมีการจัดส่งก๊าซเข้าโรงแยกก๊าซในระบบลดลงประมาณ 10,000 ตัน ซึ่งได้มีแผนรองรับโดย 5,000 ตัน จะใช้ในส่วนของ Inventory ที่มีอยู่และอีก 5,000 ตัน จะพิจารณานำเข้าเพิ่มเติม

ด้านไฟฟ้า กระทรวงพลังงานได้สั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เดินเครื่องปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าเป็นน้ำมันดีเซลในโรงไฟฟ้าที่ต้องเดินเครื่องในช่วงการหยุดจ่ายก๊าซฯ ในกลุ่มโรงไฟฟ้าฝั่งตะวันตก(โรงไฟฟ้าราชบุรี ราชบุรีพาวเวอร์ และโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอร์ยี่) นอกจากนี้ ให้กฟผ.ประสานกับผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่ใช้อัตราไฟฟ้าแบบ Interuptible Rate ให้ทำการลดการใช้ในช่วงที่มีการหยุดซ่อมบำรุง ซึ่งจะทำให้ลดความต้องการใช้ไฟฟ้าได้ถึง 56 เมกะวัตต์

รมว.พลังงาน กล่าวว่า การที่ต้องใช้น้ำมันเตา และน้ำมันดีเซล ผลิตไฟฟ้าทดแทน จะทำให้ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) จะสูงขึ้นอีก 0.48 สตางค์ต่อหน่วย จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะต้องไปพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร

นอกจากนี้ ในวันที่ 5 เม.ย.56 ซึ่งเป็นวันที่คาดการณ์ว่าจะมีอุณหภูมิสูงสุดในรอบปีและอาจมีการใช้ไฟสูงสุด โดยคาดว่าจะมีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดประมาณ 26,500 เมกะวัตต์ โดยจะมีสำรองไฟฟ้าเหลืออยู่ในระบบประมาณ 600 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 2% ของกำลังการทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นวันที่จะเกิดความเสี่ยงมากที่สุด หากมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้

“กระทรวงพลังงานเป็นห่วงในวันที่ 5 เม.ย.นี้มาก เนื่องจากเป็นวันที่สำรองไฟฟ้าลดเหลือต่ำมาก ไฟฟ้าอาจจะไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม อยากจะขอร้องให้ประชาชนประหยัดการใช้ไฟฟ้าในช่วงวันที่ 5-11 เม.ย. เพื่อช่วยการลดวิกฤตไฟฟ้าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ส่วนวันที่ 6-10 เม.ย. คาดว่าจะมีสำรองอยู่ที่ 1,500, 3,200, 1,900, 1,200 และ 1,300 เมกะวัตต์ตามลำดับ ซึ่งยังถือว่าไม่น่าเป็นห่วงมากนัก"นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว

และจากที่คาดว่าวันที่ 5 เม.ย.56 จะเป็นวันที่ใช้ไฟฟ้าสูงสุด กระทรวงพลังงานได้จัดกิจกรรมรณรงค์ลดใช้ไฟฟ้า ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 14.00-14.30 น. ซึ่งจะมีการรณรงค์ให้ รมต.ไม่ต้องใส่สูทเข้าประชุม, ใช้หลอดประหยัดไฟเพื่อรณรงค์การประหยัดไฟรวมถึงจะมีการจัดทำแคมเปญด้วย เริ่ม 1 มี.ค นี้

รวมถึงรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดน้ำมันให้เปลี่ยนมาใช้เอทานอลและ NGV มากขึ้น และขอความร่วมมือไปยังห้างสรรพสินค้าให้ปิดไฟบางส่วนด้วยและวันที่ 13 มี.ค. 56 กระทรวงพลังงาน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเตรียมการซ้อมแผนรองรับสภาวะวิฤตด้านพลังงานต่อไป

"จากสภาวะวิกฤติการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น กระทรวงพลังงานจะพยายามบริหารจัดการแก้ไขอย่างเต็มที่ เป็นการยืนยันว่า ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ร้ายแรงแค่ไหน กระทรวงพลังงานก็พร้อมจะเร่งบริหารจัดการ ดูแลประชาชน เพื่อให้ทุกคนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด" รมว.พลังงาน กล่าว

แท็ก พม่า   ก.พ   TOT  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ