นายราฮอยกล่าวว่ายอดขาดดุลดังกล่าวโดยทั่วไปเป็นการประเมินจากสถาบันการเงินและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ โดยไม่ได้ระบุตัวเลขที่ชัดเจน
แม้ไม่มีแนวโน้มว่ายอดขาดดุลของประเทศจะแตะระดับ 6.3% ตามที่สหภาพยุโรป (อียู) กำหนดไว้ แต่นายกฯสเปนกล่าวว่ารัฐบาลของเขาได้ดำเนินการปรับปรุงทางการคลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของประเทศ เมื่อพิจารณาถึงช่วง 14 เดือนแรกของการเข้าบริหารประเทศ
นายราฮอยกล่าวว่า ความร่วมมือกันระหว่างฝ่ายบริหารในระดับที่แตกต่างทำให้มีความเป็นไปได้ในการลดรายจ่ายของทางการลงราว 2.1 หมื่นล้านยูโร (2.8 หมื่นล้านดอลลาร์)
นายกรัฐมนตรีสเปนชื่นชมการปฏิรูปของรัฐบาล โดยกล่าวเสริมว่าการปราบปรามการฉ้อโกงทางการคลังส่งผลให้มีรายได้ราว 1.15 หมื่นล้านยูโรในปี 2555 ซึ่งเขาระบุว่าเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการลดยอดขาดดุล
นอกจากนี้ นายราฮอยระบุว่าหลักสำคัญอีกประการหนึ่งในการปฏิรูปของรัฐบาลก็คือการปรับโครงสร้างของระบบการธนาคาร โดยระบุว่ามาตรการที่รัฐบาลชุดก่อนได้ดำเนินการนั้นไร้ประสิทธิภาพ และเป็นสาเหตุสำคัญที่รัฐบาลปัจจุบันต้องขอรับความช่วยเหลือจากอียูสำหรับภาคการธนาคารสเปน
เขากล่าวเน้นย้ำว่ากระบวนการปรับโครงสร้างกำลังส่งผลดี ขณะที่สถาบันการเงินของสเปนอาจจะออกหุ้นกู้ราว 6 พันล้านยูโรในปี 2556
อย่างไรก็ตาม การประเมินสถานการณ์ของนายราฮอยมีความแตกต่างจากมุมมองของมูดีส์ ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ
มูดีส์ระบุเมื่อวันอังคารว่า ธนาคารของสเปนยังเผชิญภาวะยากลำบากในแง่ของความสามารถในการชำระหนี้และการระดมทุน โดยยังมีความท้าทายหลายประการ พร้อมทั้งคาดถึงบรรยากาศเชิงลบสำหรับภาคธนาคารและหนี้สาธารณะของสเปน ซึ่งอาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทำให้การระดมทุนเป็นไปได้ยาก สำนักข่าวซินหัวรายงาน