นายเบอร์นันเก้กล่าวในการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของเฟดต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภาว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงขยายตัวในอัตราปานกลาง และสถานการณ์ในตลาดแรงงานได้ปรับตัวดีขึ้นทีละน้อย
ประธานเฟดกล่าวว่า ผู้ว่างงานราว 4.7 ล้านคนไม่มีงานทำมาเป็นเวลา 6 เดือนหรือมากกว่านั้น และอีกหลายล้านคนต้องการทำงานแบบเต็มเวลา แต่สามารถหาได้เพียงงานพาร์ท-ไทม์เท่านั้น
“อัตราว่างงานสูงได้สร้างความเสียหายอย่างมาก ซึ่งมีเพียงแต่ทำให้ผู้ว่างงานและครอบครัวของพวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อศักยภาพและแนวโน้มการผลิตของเศรษฐกิจของเราโดยรวมอีกด้วย"
“ขณะที่อัตราว่างงานสูงกว่าระดับปกติอยู่มากและเงินเฟ้อบรรเทาลงนั้น ความคืบหน้าสู่เป้าหมายว่าด้วยการจ้างงานสูงสุดและความมีเสถียรภาพด้านราคาของเฟดนั้น ต้องอาศัยนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมาก" นายเบอร์นันเก้กล่าวต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐ
ประธานเฟดกล่าวว่า ในบรรยากาศทางเศรษฐกิจปัจจุบัน ประโยชน์ของแผนการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่ของเฟดกำลังช่วยหนุนการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในปัจจุบันต่อไป
เฟดได้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) มูลค่า 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละเดือน เพื่อฉุดต้นทุนการกู้ยืมระยะยาวและกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.เป็นต้นมา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นับตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤตการเงิน เฟดได้ดำเนินเสร็จสินการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณไปแล้ว 2 รอบ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ QE1 และ QE2 โดยได้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ, ตราสาร MBS และสินทรัพย์อื่นๆกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่แผนการดังกล่าวได้ส่งผลให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงทั้งจากในและต่างประเทศ